“ซูริก”ประกันภัยจ่ายคิงส์เกต 1,843ล้าน”เหมืองอัครา”ถูกคสช.สั่งปิด

ยืดเยื้อ - กรณีบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด ยื่นฟ้องไทยสั่งระงับเหมืองทองอัคราผิดความตกลง TAFTA ยังยืดเยื้อ ล่าสุดฝ่ายไทยเตรียมเงินสู้คดี 600 ล้านบาท
“Zurich Australia Insurance Limited” บิ๊กประกันภัยโลก จ่ายเงินชดเชยภัยการเมืองให้คิงส์เกตฯ 1,843 ล้านบาท พร้อมจับมือเป็นเงินทุนเดินหน้าข้อตกลงดำเนินคดีรัฐบาลไทยสั่งระงับเหมืองทองอัคราฯผิดข้อตกลง TAFTA นักลงทุนหวั่นความเสี่ยงภัยการเมืองไทยฉุดเบี้ยประกันเพิ่มขึ้น ด้านรัฐบาลไทยเทงบฯจ้างทนายอเมริกันจ่ายงวดแรกปี”61 ทะลุ 70 ล้านบาท คาดอาจเฉียด 600 ล้านบาท กว่าสิ้นสุดคดี 

นายรอส สมิธ-เคิร์ก ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด บริษัทแม่ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำชาตรี ครอบคลุมพื้นที่พิจิตร เพชรบูรณ์ พิษณุโลก เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า บริษัท ซูริก ออสเตรเลีย อินชัวรันซ์ ลิมิเต็ด (Zur-ich Australia Insurance Limited) ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยรายใหญ่ของโลก ในฐานะผู้รับประกันภัยให้กับบริษัทคิงส์เกตฯ เตรียมจ่ายเงินชดเชยจากกรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงทางการเมือง มูลค่ากว่า 82 ล้านเหรียญออสเตรเลีย หรือประมาณ 1,843 ล้านบาท ให้กับทางบริษัทคิงส์เกตฯเร็ว ๆ นี้

หลังจากที่เหมืองทองคำได้ถูกคำสั่งให้ระงับการอนุญาตให้ประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำ ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 72/2559 เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2559 และได้เริ่มเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการ ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างประเทศไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) เมื่อเดือน พ.ย. 2560 ส่งผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจในประเทศของคิงส์เกตฯ

โดยหลังจากนี้ ทางซูริกฯได้ตกลงทำงานร่วมกันกับบริษัท เพื่อดำเนินคดีรัฐบาลไทยภายใต้คำร้อง TAFTA จนกว่าจะถึงที่สุด ซึ่งข้อตกลงนี้สะท้อนให้เห็นว่า ทางกลุ่มบริษัทประกันภัยได้รับรู้และเข้าใจในข้อเท็จจริงของคำร้องของคิงส์เกตฯ ที่มีต่อฝ่ายรัฐบาล และมีความพร้อมที่จะให้การสนับสนุนคิงส์เกตฯ ในด้านต่าง ๆ รวมถึงด้านเงินทุนสำหรับกระบวนการทางกฎหมายด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ เงินชดเชยจำนวน 1,843 ล้านบาท ที่ได้ครั้งนี้ ถือเป็นจำนวนที่มีมูลค่ามากพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายสำหรับงานต่าง ๆ ของคิงส์เกตฯ ตามแผนที่วางไว้ในอนาคต และค่าชดเชยจากการประกันภัยครั้งนี้นับเป็นข้อตกลงอันถือเป็นที่สุดภายใต้คำร้องดังกล่าว โดยไม่ได้มีการชดเชยจากส่วนใดเพิ่มเติมอีก

“เรามองว่าประชาชนคนไทยควรจะมุ่งความสนใจไปที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีภายใต้คำร้อง TAFTA นี้ ของทางฝ่ายรัฐบาลไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมื่อทางรัฐบาลเป็นฝ่ายกระทำผิดอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้ว่าหลายฝ่ายจะมีการกล่าวอ้างไปในทิศทางอื่น แต่ข้อเท็จจริงก็คือว่าเหมืองของเราไม่เคยมีปัญหาในด้านสิ่งแวดล้อม หรือสุขภาพเลย”

อย่างไรก็ตาม การที่ทางบริษัทประกันตกลงจ่ายเงินชดเชยภายใต้กรมธรรม์คุ้มครองความเสี่ยงด้านการเมืองนั้น อาจมีผลกระทบกับประเทศไทยอย่างมาก เพราะข้อตกลงนี้เป็นเสมือนสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้นในการทำธุรกิจในประเทศไทย และบริษัทต่างชาติที่กำลังพิจารณาลงทุนในไทย ก็อาจต้องพบกับอุปสรรคที่มากขึ้นในการทำกรมธรรม์รูปแบบดังกล่าว หรืออาจต้องยอมชำระค่าเบี้ยประกันที่สูงขึ้น

ทั้งนี้ คิงส์เกตฯเป็นผู้ถือกรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงทางการเมือง (Political Risk Insurance Policy) ในช่วงที่รัฐบาลของประเทศไทยออกคำสั่งปิดเหมืองแร่ทองคำชาตรีโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งการถือกรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงทางการเมืองดังกล่าว ถือเป็นขั้นตอนปฏิบัติโดยปกติของการลงทุนระหว่างประเทศ เพื่อป้องกันการถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม

รายงานข่าวระบุว่า มูลค่าการว่าจ้างทนายบริษัทสัญชาติอเมริกันของฝั่งรัฐบาลไทย โดยกระทรวงอุตสาหกรรม สูงถึง 450-600 ล้านบาท

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า มูลค่าการว่าจ้างทนายเพื่อใช้ต่อสู้ตามกระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างรัฐบาลไทยและคิงส์เกตฯนั้น ตั้งไว้อยู่ที่ 450-600 ล้านบาทจริง โดยมูลค่าดังกล่าวจะคิดอยู่ที่ 6-8% ของมูลค่าการแจ้งเคลมความเสียหาย ซึ่งระดับเปอร์เซ็นต์ดังกล่าวเป็นอัตราปกติของทุกคดีที่ทำมาโดยปีแรกได้จ่ายค่าจ้างทนายเพื่อดำเนินการไปแล้วประมาณ 70-80 ล้านบาท โดยเป็นการของบประมาณกลางจากรัฐ แต่ละครั้งจะมีการตั้งยอดงบฯไปเรื่อย ๆ ทีละปี ซึ่งถ้าคดีจบ งบฯก้อนนี้ก็หยุด ดังนั้นจึงเป็นจำนวนเงินที่ตั้งไว้โดยไม่ได้ขอใช้ทั้งก้อนเพียงครั้งเดียว และยังคงเพื่อการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมอีกด้วย เนื่องจากคดีครั้งนี้รัฐบาลไทยต่อสู้ตามกระบวนการอนุญาโตตุลาการ คาดว่าต้นปี 2563 จะมีการขึ้นศาล เพราะถือเป็นคดีที่ซับซ้อนทางด้านข้อมูลและเทคนิค

“เงิน 450-600 ล้านบาทก้อนนี้ เป็นต้นทุนค่าจ้างทนาย ผู้เชี่ยวชาญ ที่เราคำนวณจากการแจ้งเคลมในศาล แต่เราก็ยังไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วต้องจ่ายจริงเท่าไร เพราะทุกอย่างยังอยู่ที่อนุญาโตตุลาการพิจารณา”

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลยพิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat 

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!