พาณิชย์อัพโหลดราคาค่ายา 3,800 รายการแรกขึ้นเว็บ พร้อมชง กกร.เคาะ 2 มาตรการบังคับ รพ.แจ้งราคายา-เวชภัณฑ์ละเอียด-ปล่อยฟรีซื้อยานอก รพ. คาดบังคับใช้ในกลางปี
นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะประธานคณะทำงานพิจารณาราคายาและเวชภัณฑ์ ค่าบริการรักษาพยาบาล บริการทางการแพทย์ และบริการอื่นของสถานพยาบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้โรงพยาบาลเอกชน ทั้งโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ขนาดเล็ก ผู้ผลิตและผู้นำเข้ายาและเวชภัณฑ์ ร้านจำหน่ายยารายใหญ่และรายเล็ก 353 ราย ได้แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการต้นทุนและการจำหน่ายยาและเวชภัณฑ์ รวมถึงค่าบริการทางการแพทย์ มาให้กรมการค้าภายในตามที่ขอความร่วมมือแล้ว หลังจากนี้กรมจะรวบรวมข้อมูลและประกาศขึ้นเว็บไซต์ เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการพิจารณาเลือกใช้บริการได้
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- ออมสิน เปิดให้กู้สินเชื่อรีไฟแนนซ์ ลดดอกเบี้ย 4 กลุ่ม เช็กเลย !
- เปิดไทม์ไลน์ลูกค้าซิตี้แบงก์ต้องรู้! ก่อนโอนย้ายบัญชีมาเป็น “ยูโอบี” 21 เม.ย.นี้
โดยเบื้องต้นมีรายงานรวม 3,800 รายการ แบ่งเป็นยา 3,000 รายการ และเวชภัณฑ์ 800 รายการ ส่วนอัตราค่าบริการยังไม่สมบูรณ์ เนื่องจากสถานพยาบาลมีหลายระดับ หากจะกำหนดมาตรการดูแลก็จะต้องพิจารณาต่อไป
พร้อมกันนี้ คณะทำงานเตรียมเสนอ 2 มาตรการกำกับดูแลสินค้ายา เวชภัณฑ์ และบริการ เป็นมาตรการบังคับ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 เข้าสู่ที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณามาตรการกำกับดูแลราคายาและเวชภัณฑ์ ซึ่งมีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน พิจารณาในช่วงเดือนพฤษภาคม 2562
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวกำหนดว่า 1.ให้สถานพยาบาลแสดงราคายาและเวชภัณฑ์ให้ชัดเจน โดยแยกเป็นรายประเภท 2.ให้สถานพยาบาลแสดงรายการและราคายาและเวชภัณฑ์ในใบสั่งยาให้ชัดเจน เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อยาได้จากร้านค้านอกสถานพยาบาลได้ ซึ่งคณะทำงานได้ประสานหน่วยงานสาธารณสุข เพื่อขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือด้วย
“คณะอนุกรรมการเห็นชอบจะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) เพื่อพิจารณาออกประกาศ กกร.ให้มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการต่อไป คาดว่าน่าจะเห็นผลเป็นรูปธรรมได้ภายในกลางปี 2562 นี้ โดยหากสถานพยาบาลไม่ดำเนินการตามประกาศ จะเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 29 ขายเกินราคาหรือไม่ปิดป้ายราคาหรือไม่แจ้งราคา ไม่แจ้งปริมาณ จะมีโทษจำคุก 7 ปี หรือปรับ 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”