“ผลปาล์ม” พีกสุด 20 ล้านตัน จ้าละหวั่นชง “กนป.” แก้ด่วน

ผลปาล์มกระฉูด 20 ล้านตัน เกินคาดการณ์ “ก.เกษตรฯ” สศก.ลงพื้นที่สำรวจ 3 จว.อีกรอบ จ่อชง กนป.เคาะมาตรการเสริม ดันใช้ไบโอดีเซลทุกรูปแบบ ส่วนแผน ปตท.ส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ 1 แสนตันมีสิทธิ์วืด

รายงานข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ระบุว่า ขณะนี้ทางสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ได้ลงพื้นที่สำรวจผลผลิตปาล์มน้ำมันปี 2562/2563 ในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ จ.นครศรีธรรมราช กระบี่ และสุราษฎร์ธานีอีกครั้ง หลังจากได้รับรายงานว่าปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มสูงถึง 20 ล้านตัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเกินกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ 17 ล้านตัน ส่งผลให้ราคาผลปาล์มดิบขณะนี้เฉลี่ย กก.ละ 2.40 บาท

นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับรายงานจากทาง สศก.ว่ากำลังลงพื้นที่สำรวจผลผลิตอีกรอบ เพราะอาจจะสูงมากกว่าปกติ 30% จาก 2-3 สาเหตุ คือ ภาวะอากาศร้อนจัดทำให้ผลปาล์มสุกเร็วขึ้น และเกษตรกรหลายพื้นที่ลดพื้นที่ปลูกยางพารา หันมาปลูกปาล์มน้ำมันแทน และปัญหาสต๊อกเก่าที่ยังค้างมา ทั้งนี้ หากข้อมูลสรุปผลการรายงานเป็นอย่างไรก็จะรายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) พิจารณามาตรการช่วยเหลือ เพื่อให้ทันช่วงผลผลิตจะทยอยออกไปจนถึงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนนี้

ที่ผ่านมารัฐบาลได้เดินหน้าแก้ปัญหาสต๊อกโดยปรับสมดุลน้ำมันปาล์ม ซึ่งจะหันไปส่งออกก็ทำไม่ได้เพราะตลาดส่งออกไม่ดี ทางอินโดนีเซียและมาเลเซียก็ประสบปัญหา ฉะนั้น ทางเดียวคือหันไปพึ่งพาการเพิ่มการผลิตเป็นพลังงาน ซึ่งทางแรกให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบเพื่อนำมาผลิตไฟฟ้า 160,000 ตัน แต่ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากน้ำมันปาล์มสูงกว่าปกติจึงไม่ได้ขยายโครงการ

“ทางกระทรวงพาณิชย์จึงหารือกับกระทรวงพลังงานมุ่งสนับสนุนการใช้น้ำมันปาล์มผลิตไบโอดีเซลทุกรูปแบบ ทั้งดีเซลชนิดพิเศษ บี 20 โดยสนับสนุนให้ถูกกว่าดีเซลปกติลิตรละ 5 บาท ขณะนี้มีการใช้ 15 ล้านลิตร/เดือน แต่เรามีเป้าจะเพิ่มเป็น 20 ล้านลิตร โดยเพิ่มจำนวนปั๊มที่มีการติดตั้งหัวจ่ายให้มากขึ้น และขอให้ผู้ผลิตรถยนต์ทุกค่ายร่วมให้ความมั่นใจประชาชนว่าเครื่องยนต์รุ่นที่ผลิตรุ่นใดบ้างที่สามารถใช้น้ำมันชนิดนี้ได้ พร้อมทั้งผลักดันนโยบายการใช้น้ำมัน บี 7 เป็น บี 10 เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานมากขึ้น”

ต่อประเด็นที่เกษตรกรเสนอให้มีการผลักดันการใช้น้ำมันไบโอดีเซล บี 100 สำหรับเครื่องจักรกลการเกษตรซึ่งในปัจจุบันเกษตรกรใช้วิธีการตั้งกลุ่มเพื่อแบ่งปันน้ำมัน บี 100 แต่ไม่สามารถขายเชิงพาณิชย์ได้ เพราะเกษตรกรไม่ใช่ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ทำได้เพียงตั้งกลุ่มแลกเปลี่ยนกันเท่านั้น แต่ โดยกระทรวงจะนำไปหารือกับกระทรวงพลังงานต่อไป สิ่งสำคัญต้องกำกับดูแลมาตรฐานการผลิต บี 100 เพื่อให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจต้องมี third party มาช่วยยกระดับมาตรฐาน

ส่วนแนวทางการผลักดันให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบเพื่อการส่งออก 1 แสนตัน ซึ่งได้เคยผ่านมติ กนป.เห็นชอบไปก่อนหน้านี้แต่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะต้องรอเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี แต่ทว่าแนวโน้มการส่งออกน้ำมันปาล์มไปยังตลาดต่างประเทศยังเป็นไปได้น้อยเพราะตลาดส่งออกขณะนี้ประสบปัญหา ทำให้น้ำมันปาล์มทั้งของอินโดนีเซียและมาเลเซียมีราคาต่ำกว่าไทย

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายในกล่าวว่า บริษัทผู้ผลิตน้ำมัน 5 รายเพิ่มหัวจ่ายน้ำมัน บี 20 มากขึ้น คาดว่าสิ้นเดือนมิถุนายน 2562 จะมีสถานีให้บริการถึง 1,000 แห่ง จากปัจจุบัน500 แห่ง ซึ่งกรมตั้งเป้าผลักดันให้ถึง 10,000 แห่งภายในปี 2563 จากปั๊มที่เปิดบริการ 30,000 แห่งทั่วประเทศ หรือ 30% ของทั้งหมด ช่วยเพิ่มยอดใช้ บี 20 เป็น 5 ล้านลิตรต่อวัน