กสอ. ลุยต่อเนื่องไตรมาส 3 เน้นพัฒนาอุตสาหกรรมฟู้ดทรัค แปรรูปกัญชา สร้างความร่วมมือญี่ปุ่น หวังยกระดับศักยภาพเอสเอ็มอีครึ่งปีหลัง

กสอ. ลุยต่อเนื่องไตรมาส 3 มุ่งเน้นพัฒนาอุตสาหกรรมฟู้ดทรัค ตั้งเป้าสร้างมูลค่าเศรษฐกิจกว่า 3 พันล้านบาท พร้อมตั้งคณะทำงานศึกษาการแปรรูปกัญชา เพื่อส่งเสริมเอสเอ็มอีและอุตสาหกรรมยา คาดชัดเจน 1-2 เดือนนี้ ขณะเดียวกันเตรียมเดินหน้าทำ MOU กับรัฐบาลท้องถิ่นจังหวัดวากายามะ ประเทศญี่ปุ่น สานพลังขยายธุรกิจเอสเอ็มอีสู่สากล

นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ในไตรมาส 3 นี้ กสอ. มุ่งพัฒนาและส่งเสริมผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นใน อุตสาหกรรมฟู้ดทรัค อุตสาหกรรมการแปรรูปกัญชา และการบูรณาการความร่วมมือกับรัฐบาลท้องถิ่นจังหวัดวากายามะ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศในการสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ตามนโยบายผลักดันให้ผู้ประกอบการก้าวสู่ระดับโลก โดยใช้การตลาดและนวัตกรรม

โดยในวันที่ 8 พฤษภาคม 2562 นี้ กสอ. จะร่วมกับ 7 หน่วยงาน ได้แก่ กรมอนามัย กรมการขนส่งทางบก สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ สถาบันอาหาร สถาบันยานยนต์ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร จัดพิธีลงนามความร่วมมือ เพี่อส่งเสริมและกำกับดูแลผู้ประกอบการและบุคลากรในอุตสาหกรรมฟู้ดทรัค ให้มีองค์ความรู้สำหรับประกอบอาชีพธุรกิจฟู้ดทรัคอย่างเหมาะสม ได้มาตรฐานความปลอดภัยและอาชีวอนามัย คน ครัว รถ และตลาด รวมถึงจะมีการพัฒนาบ่มเพาะผู้ประกอบการฟู้ดทรัคเป็นบันได 5 ขั้นสู่ความสำเร็จในธุรกิจฟู้ดทรัค

ทั้งนี้การพัฒนาเครือข่ายอุตสาหกรรมในระดับประเทศให้เป็นเครือข่ายฟู้ดทรัคคลัสเตอร์ประเทศไทย การเชื่อมโยงสู่ตลาดฟู้ดทรัค และความพร้อมทางด้านการเงิน ซึ่ง กสอ. ได้ลดอัตราดอกเบี้ยของกองทุนหมุนเวียนเหลือ 4% และเพิ่มเพดานวงเงินกู้สูงสุดถึง 1 ล้านบาท ทำให้ขณะนี้มีผู้ประกอบการสนใจขอสินเชื่อจำนวนมาก คาดว่าว่าจะส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมฟู้ดทรัคให้เติบโตไดกว่า 3,500 ราย และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 3,200 ล้านบาท

ส่วนด้านอุตสาหกรรมการแปรรูปกัญชา หลังจากที่มีการปลดล็อกกัญชาให้สามารถนำมาสกัดใช้รักษาโรคได้นั้น ทางกระทรวงอุตสาหกรรม ก็ได้มีการตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนแผนพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ กลุ่มกัญชาและสมุนไพร โดยมีนายจุลพงษ์ ทวีศรี ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานคณะทำงาน และมี นายจารุพันธุ์ จารโยภาส รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นรองประธาน เพื่อศึกษาขอบเขตการแปรรูปสารสกัดจากพืชกัญชาไปสู่อุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการแพทย์ ทั้งนี้ พบว่าเมล็ดกัญชา เมื่อนำมาสกัดจะให้สาร CBD (Cannabidiol เป็นสารสกัดจากกัญชา กัญชง ซึ่งไม่มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาท) จึงเป็นสารที่นำมาใช้ทางการรักษาโรคได้ โดยจะมีการขอข้อมูลเพิ่มเติมจากกระทรวงสาธารณสุข

ในส่วนของการปลูกกัญชา ทาง กสอ. จะจำแนกเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชน และสหกรณ์ ที่สามารถขออนุญาตปลูกกัญชาได้ตามกฎหมาย และมีรูปแบบการดำเนินการภายใต้กรอบของกฎหมาย กล่าวคือ ต้องดำเนินการภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานรัฐและเอกชนที่มีหน้าที่ศึกษาวิจัย หรือ จัดการเรียนการสอนทางการแพทย์ หรือ เภสัชศาสตร์เท่านั้น ส่วนรายละเอียดในการดำเนินงานจะมีการเชิญหน่วยงานเครือข่ายร่วม (Stakeholders) ที่มีบทบาทสำคัญและเกี่ยวข้องมาร่วมด้วย เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยรังสิต โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นต้นคาดว่าจะได้ข้อสรุปในภาพรวมภายใน 1 – 2 เดือนหลังจากนี้

ADVERTISMENT

นอกจากนี้ กสอ. ยังเตรียมลงนามบันทึกความเข้าใจกับรัฐบาลท้องถิ่นจังหวัดวากายามะ ประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อร่วมมือสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในจังหวัดวากายามะ ประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทยในการขยายธุรกิจในระดับสากล รวมถึงการแลกเปลี่ยนแนวคิด โดยการจัดกิจกรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างกัน อาทิ การจัดโครงการแลกเปลี่ยนด้านอุตสาหกรรม การส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันเมื่อเกิดภัยพิบัติ เป็นต้น หลังจากนั้นในวันที่ 22 พฤษภาคม 2562 จะเข้าเยี่ยมคารวะผู้ว่าราชการจังหวัด Kyoto และเดินทางไปศึกษาดูงาน ณ Kyoto Economic Center ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นศูนย์ที่ส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอและแฟชั่นดีไซน์ของญี่ปุ่น

“กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ประกอบการ มีความรู้ มีช่องทางทำมาหากินอย่างยั่งยืน และไม่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่เรายังสนับสนุน ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเพิ่มศักยภาพเพื่อเชื่อมโยงสู่ตลาดสากล” นายกอบชัย กล่าว

ADVERTISMENT