พาณิชย์ชง กนป.พิจารณามาตรการให้ก.พลังงานดูดซับผลผลิตปาล์ม2แสนตัน หวังยกระดับราคา หลังผลผลิตออกเพิ่ม

พาณิชย์ชง กนป.พิจารณามาตรการให้กระทรวงพลังงานดูดซับผลผลิตปาล์ม 2 แสนตัน หวังยกระดับราคาขึ้น หลังผลผลิตออกเพิ่มจากอากาศร้อนจัด

นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2562กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ร่วมกันหาทางออกในการแก้ไขปัญหาราคาผลปาล์มตกต่ำให้แก่เกษตรกรชาวสวนปาล์ม โดยในระยะสั้น เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่ผลผลิตออกเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ เบื้องต้นได้ขอความร่วมมือให้กระทรวงพลังงานพิจารณาดูดซับผลผลิตในสต๊อกจำนวน 200,000 ตัน อย่างไรก็ดี การหารือครั้งนี้ เป็นการกำหนดแนวทางดำเนินการ ซึ่งจะนำเสนอคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) พิจารณาในการประชุมวันที่ 2 พฤษภาคม 2562 ต่อไป

สำหรับการดูดซับผลผลิตออกไปก่อนเบื้องต้นคาดว่าน่าจะเริ่มได้ภายในเดือนพฤษภาคม 2562 จำนวน 100,000 ตัน และพร้อมที่จะดูดซับเพิ่มเติมอีก 100,000 ตัน หากสถานการณ์ผลผลิตปาล์มยังเพิ่มขึ้น รวมทั้ง จะหารือผู้ประกอบการในซัพพลายเชน (supply chain) ทั้งระบบเพื่อแก้ปัญหาในระยะกลาง และระยะยาวต่อไป ซึ่งเรื่องนี้อาจจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทุกเรื่องอย่างฉับพลัน แต่อย่างน้อยปัญหาจะช่วยบรรเทา และจะยกระดับขีดความสามารถของผู้ที่เกี่ยวข้องในระบบน้ำมันปาล์มให้สามารถแข่งขันได้ต่อไป

ส่วนสถานการณ์ปาล์มที่มีปัญหาราคาตกต่ำในขณะนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากสภาวะการณ์น้ำมันปาล์มในตลาดโลกมีภาวะการแข่งขันที่รุนแรง โดยประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ ได้แก่ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ได้รับผลกระทบจากการที่สหภาพยุโรป ออกมาตรการยกเลิกการใช้น้ำมันปาล์มในการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ รวมทั้งการขึ้นภาษีนำเข้าของประเทศอินเดีย จึงส่งผลกระทบต่อภาวะการส่งออกและสถานการณ์ราคาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มของไทย

นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีการทบทวนตัวเลขผลพยากรณ์การผลิต ในปี 2562 เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาเกิดสภาพอากาศร้อนจัด ส่งผลให้ต้นปาล์มมีทะลายปาล์มสุกเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งมีสภาพการสุกไม่สมบูรณ์ คือด้านนอกสุกแต่ด้านในไม่สุก ส่งผลต่อปริมาณที่ออกมากขึ้นและคุณภาพของผลปาล์มที่ลดลง ทั้งนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ได้มีการลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพการออกผลผลิตของต้นปาล์มในพื้นที่จังหวัดชุมพร นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดยพบว่า จากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ส่งผลให้ผลปาล์มสุกเร็วขึ้น เกษตรกรจึงได้ตัดปาล์มเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ จากเดิมที่เคยตัดได้ต้นละ 3 ทะลายเป็น ต้นละ 5 – 6 ทะลาย ทำให้โรงงานสกัดฯ มีรถเข้าคิวที่หน้าโรงงานสกัดฯ จำนวนมาก ส่งผลให้ราคาผลปาล์มลดต่ำลงอย่างรวดเร็วในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะพื้นที่และปริมาณที่โรงงานสกัดฯ แต่ละโรงมีจำนวนจำกัด และจากการตรวจสอบสต๊อกน้ำมันปาล์มของคณะทำงานระดับจังหวัดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

สต๊อกคงเหลือน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ของ 4 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี กระบี่ ชุมพร และนครศรีธรรมราช มีปริมาณลดลงจากเดือนเมษายน 2562 เฉลี่ยประมาณ 10% ซึ่งกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมมือตรวจสต็อกโรงงานสกัดฯ ทั่วประเทศในต้นเดือนพฤษภาคม 2562 ต่อไป เพื่อให้ได้ตัวเลขที่ชัดเจนพร้อมกับการหามาตรการในการดูแลต่อไปอย่างใกล้ชิดเพื่อประโยชน์ทุกฝ่าย