“ไทยยูเนี่ยน” ประกาศกำไรสุทธิไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 46.5%

ทียูประกาศกำไรสุทธิ 1,273 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.5 % จากปีก่อนหน้า เป็นผลให้มีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1,020 ล้านบาท ยอดขายในไตรมาสแรงอยู่ที่ 29,369 ล้านบาท ด้วยปริมาณยอดขายปกติเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าว ”ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่าเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2562 บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) รายงานผลกำไรสุทธิ 1,273 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกในปี 2561 ด้วยการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น และปริมาณการขายที่ค่อยขยับตัวขึ้น

กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 4,382 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 14.9% เมื่อเทียบกับ 11.6% ในไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา กอปรกับราคาวัตถุดิบคงที่และกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูปและกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงมีผลงานที่ดีขึ้น ส่งผลให้การดำเนินงานฟื้นตัว กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 1,020 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10 เท่า เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา มีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 11.4% เทียบกับ 11.2% ในไตรมาสแรกของปี 2561

ทั้งนี้ ยอดขายในไตรมาสแรกอยู่ที่ 29,369 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.1% จากปีก่อนหน้า อย่างไรก็ดี หากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราแล้ว มูลค่ายอดขายปกติเติบโตขึ้นถึง 2.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายที่เติบโตขึ้นของธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็งและผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง

ส่วนยอดขายธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งและแช่เย็นของบริษัท เพิ่มขึ้น 3.4% เมื่อเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา เป็น 11,529 ล้านบาท สืบเนื่องจากยอดขายในสหรัฐอเมริกาปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่ายังมียอดขายเพิ่มขึ้น 7.5% เป็น 4,384 ล้านบาท เพราะมีปริมาณการขายเพิ่มมากขึ้น

ยอดขายที่มาจากผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของไทยยูเนี่ยนในไตรมาสแรกยังคงสัดส่วนอยู่ที่ 42% โดยที่เหลือมาจากธุรกิจรับจ้างผลิต โดยยอดขายธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป ยอดขายในอเมริกาเหนือ ยังคงมีบทบาทสำคัญต่อรายได้ของบริษัท โดยมีสัดส่วน 40.4% ของยอดขายรวม ในขณะที่ตลาดยุโรป คิดเป็น 27.9% ตลาดประเทศไทยมีสัดส่วนเเป็น 13.1% และยอดขายจากญี่ปุ่น คิดเป็น 4.7% ของยอดขายรวมทั้งหมด และตลาดอื่นๆ คิดเป็น 13.9%

การบริหารกระแสเงินสดอิสระที่ดีเยี่ยมต่อเนื่องทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงเป็น 1.35% เมื่อเทียบกับ 1.4% ในปีก่อนหน้า โดยระหว่างไตรมาสมียอดขายจากหน่วยธุรกิจ Ingredients หลังจากที่น้ำมันปลาทูน่าบริสุทธิ์ 100 เมตริกตันแรกได้ถูกส่งให้กับบริษัทผู้ผลิตนมผงเด็ก

“ผลงานไตรมาสแรกถือเป็นการเริ่มต้นปีที่ดีสำหรับไทยยูเนี่ยน ถือเป็นผลจากการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพและการฟื้นตัวของการทำกำไร ทำให้เราเริ่มเห็นผลกำไรต่อเนื่อง มีการฟื้นตัวของการดำเนินธุรกิจโดยรวมและการดำเนินงานเป็นปกติ” ธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป กล่าว

ในไตรมาสแรก ไทยยูเนี่ยนยังคงดำเนินงานตามกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® ไทยยูเนี่ยน และ WWF ได้เผยแพร่รายงานความโปร่งใสในการจัดหาวัตถุดิบเรื่องการจับปลาแบบธรรมชาติในปลาและสัตว์น้ำประเภทมีเปลือก เป็นส่วนสำคัญของความมุ่งมั่นเรื่องความโปร่งใสในการดำเนินงาน


โดยในเดือนกุมภาพันธ์การดำเนินงานด้านความยั่งยืนของบริษัทได้รับการยอมรับอีกครั้ง ไทยยูเนี่ยน และ WWF ได้รับรางวัลผู้นำด้านความยั่งยืน ประจำปี 2562 จาก edie โดยรางวัลมอบให้แก่ “ความร่วมมือที่ช่วยผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในระดับโลก” ไทยยูเนี่ยน และ WWF ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ปี 2557 ในยุโรป เพื่อดำเนินการตามข้อตกลงที่ทั้งสองได้ลงนามร่วมกันในกฎบัตรอาหารทะเลโลกของ WWF ที่มุ่งเน้นการพัฒนาความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทานอาหารทะเล