บ้านปู เพาเวอร์ฯ รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2562 เดินหน้าสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน EBITDA เพิ่มขึ้น 75% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว โรงไฟฟ้าบีแอลซีพีประสิทธิภาพการจ่ายไฟ100% -โรงไฟฟ้าหงสา ประสิทธิภาพการจ่ายไฟ 81% ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมซ็อกจัง (Soc Trang) ในเวียดนาม คืบหน้าตามเป้าหมาย
ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP ผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากทั้งพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป (Conventional Power Generation) และพลังงานหมุนเวียน (Renewable Power Generation) รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1/2562 โดยมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 1,616 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว
โดยปัจจัยหนึ่งมาจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีซึ่งมีประสิทธิภาพการจ่ายไฟถึง 100% สร้างผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ เช่นเดียวกับโรงไฟฟ้าหงสาที่แม้จะมีการหยุดเดินเครื่องเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพประจำปีของหน่วยผลิตที่ 1 แต่ยังรักษาประสิทธิภาพการจ่ายไฟอยู่ที่ 81% ส่วนการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมซ็อกจัง (Soc Trang) กำลังผลิตรวม 80 เมกะวัตต์ ในประเทศเวียดนาม คืบหน้าตามแผนที่วางไว้ สะท้อนถึงประสบการณ์ ความสามารถ และความพร้อมด้านต่างๆ ในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าของบ้านปู เพาเวอร์ฯ ได้เป็นอย่างดี
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- ราคาทองวันนี้ (29 มี.ค. 67) พุ่งกระฉูด 600 บาท ทองรูปพรรณบาทละ 39,050 บาท
- ยื่นภาษีปี 2567 หมดเขตเมื่อไหร่ ยื่นไม่ทันต้องทำอย่างไร
นายสุธี สุขเรือน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไตรมาสแรกของปี 2562 บ้านปู เพาเวอร์ฯ รายงานกำไรสุทธิรวม 1,254 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 784 ล้านบาท หรือ 167% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ผลการดำเนินงานอันแข็งแกร่งนี้สะท้อนถึงสถานะการเงินที่มั่นคง ซึ่งจะส่งเสริมให้การพัฒนาโครงการที่มีอยู่ลุล่วงเป็นไปตามแผนและสามารถแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศที่มีธุรกิจอยู่เดิมและประเทศที่มีศักยภาพ สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมซ็อกจัง ระยะที่ 1 กำลังผลิต 30 เมกะวัตต์ บริษัทฯ ได้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility Study) แล้วเสร็จ รวมไปถึงการทำประชาพิจารณ์กับชุมชนโดยรอบทั้งในส่วนพื้นที่พัฒนาโครงการและพื้นที่ก่อสร้างสายส่งซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากชุมชน จึงเชื่อมั่นว่าการพัฒนาโครงการในลำดับต่อไปจะราบรื่นและสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date: COD) ได้ตามกำหนด เช่นเดียวกับส่วนขยายโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมหลวนหนาน (Luannan) ระยะที่ 3 ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งการก่อสร้างเดินหน้าไปตามแผนและพร้อมเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปีนี้
สำหรับไตรมาส 1/2562 บ้านปู เพาเวอร์ฯ รับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าในจีน รวม 1,764 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว มาจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม 3 แห่ง จำนวน 1,605 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากความต้องการใช้ไฟฟ้าและไอน้ำที่เพิ่มขึ้น ทำให้ปริมาณการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 6% และไอน้ำเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 อีกส่วนหนึ่งมาจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้ง 6 แห่ง จำนวน 159 ล้านบาท ที่เพิ่มขึ้น 9% ซึ่งได้รับปัจจัยบวกจากความเข้มข้นของแสงแดดที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับส่วนแบ่งกำไรจากการร่วมค้า จำนวน 1,116 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71 % เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว จากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี ซึ่งรายงานส่วนแบ่งกำไรจำนวน 387 ล้านบาท (รวมผลขาดทุนจากการแปลงค่าสกุลเงินจำนวน 29 ล้านบาทแล้ว และผลบวกจากภาษีเงินได้รอตัดบัญชีจำนวน 79 ล้านบาท) และโรงไฟฟ้าหงสาที่รายงานส่วนแบ่งกำไรจำนวน 734 ล้านบาท (รวมผลขาดทุนจากการแปลงค่าสกุลเงินจำนวน 138 ล้านบาทแล้ว) ซึ่งยังคงสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างมั่นคงต่อเนื่อง
ปัจจุบัน บ้านปู เพาเวอร์ฯ เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โรงไฟฟ้าแล้วทั้งสิ้น 17 แห่ง คิดเป็นกำลังผลิต 2,145 เมกะวัตต์เทียบเท่า โดยแบ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป 1,955 เมกะวัตต์เทียบเท่า และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 190 เมกะวัตต์ การขยายกำลังผลิตที่เติบโตอย่างต่อเนื่องนี้แสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าสู่เป้าหมายกำลังผลิตมากกว่า 4,300 เมกะวัตต์เทียบเท่า พร้อมสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ภายในปี 2568
“บ้านปู เพาเวอร์ฯ ยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนด้วยการบริหารการลงทุนที่มีความสมดุลตามหลักความยั่งยืนด้านพลังงานและการดำเนินงานตามกลยุทธ์ Greener & Smarter โดยเน้นปรับปรุงพัฒนากระบวนการผลิตไฟฟ้าทั้งจากพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปและพลังงานหมุนเวียนให้มีประสิทธิภาพและสามารถจ่ายไฟได้อย่างสม่ำเสมอ ใช้เทคโนโลยีทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (High Efficiency, Low Emissions: HELE) นอกจากนี้ การจัดตั้งสำนักงานในจีน ญี่ปุ่น และเวียดนาม ถือเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเราที่จะดำเนินธุรกิจและพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศดังกล่าวอย่างต่อเนื่องด้วยกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง เพื่อสร้างผลตอบแทนอย่างเหมาะสมแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย” นายสุธี กล่าว