ประมูลข้าว 2 กลุ่มเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรม พบมีผู้สนใจยื่นซื้อสูงสุด 10 ราย เร่งสรุปลผลเสนอ นบข. อนุมัติขาย

กรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยรายชื่อผู้เสนอซื้อที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ พร้อมเปิดให้ยื่นซองเสนอราคาซื้อในวันเดียวกัน สำหรับข้าว 2 กลุ่มในสต็อกของรัฐ พบมีผู้เสนอซื้อสูงสุดรวม 10 ราย คณะทำงานฯ เร่งสรุปผลเพื่อเสนอตามขั้นนตอนก่อนส่งให้ นบข.พิจารณาอนุมัติขายต่อไป

นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การระบายข้าวในสต็อกของรัฐออกประกาศจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ครั้งที่ 1/2562 จำนวน 1 คลัง ปริมาณ 15,329.75 ตัน และเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ครั้งที่ 1/2562 จำนวน 1 คลัง ปริมาณ 13,259.36 ตัน มีผู้สนใจและยื่นตรวจสอบคุณสมบัติ พบว่ามีผู้ผ่านคุณสมบัติผู้เสนอซื้อข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ทั้งหมด 17 ราย และเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ทั้งหมด 10 ราย และวันเดียวกันได้เปิดให้ผู้ที่สนใจยื่นเสนอซื้อข้าวของรัฐบาล 2 กลุ่ม

โดยพบว่าการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ครั้งที่ 1/2562 มีผู้ผ่านคุณสมบัติมายื่นซอง จำนวน 12 ราย โดยเป็นผู้เสนอซื้อสูงสุด จำนวน 1 ราย ใน 1 คลัง ปริมาณ 15,329.75 ตัน มูลค่าเสนอซื้อ 131.84 ล้านบาท คิดเป็นราคา 8,600.01 บาทต่อตัน ขณะที่ การจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ครั้งที่ 1/2562 มีผู้ผ่านคุณสมบัติมายื่นซอง จำนวน 9 ราย โดยเป็นผู้เสนอซื้อสูงสุด จำนวน 1 ราย ใน 1 คลัง ปริมาณ 13,259.36 ตัน มูลค่าเสนอซื้อ 86 ล้านบาท คิดเป็นราคา 6,485.98 บาทต่อตัน

อย่างไรก็ดี ภายหลังการยื่นซองกรมฯ จะรวบรวมผลการยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวในสต็อกของรัฐ ทั้ง 2 กลุ่ม เข้าที่ประชุมคณะทำงานฯ เพื่อสรุปผลก่อนยื่นให้คณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวพิจารณาก่อนนำเสนอประธานกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณาให้ความเห็นชอบเพื่อจำหน่ายข้าวในสต็อกของรัฐต่อไป ทั้งนี้ ข้าวที่นำออกมาระบายทั้ง 2 กลุ่ม จะมีการกำกับดูแลการนำข้าวในสต็อกของรัฐไปใช้ในอุตสาหกรรมอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้ข้าวกลุ่มดังกล่าวเข้าสู่ตลาดปกติ และกำชับให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลควบคุม กำกับดูแลให้ผู้ซื้อนำข้าวในสต็อกของรัฐไปใช้ในอุตสาหกรรมตามที่รับรองไว้โดยเคร่งครัด ซึ่งหากผู้ซื้อไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข มีการนำข้าวไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย