กฟผ.อุ้ม CPO 2 แสนตัน ดันราคาปาล์มขยับ กก.ละ 10 สต.

การเดินหน้าแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตปาล์ม ปี 2562/2563 ตกต่ำ ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง หลังจากภาวะอากาศร้อนทำให้ปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันในปีนี้มากถึง 20 ล้านตัน เกินกว่าเป้าหมาย 17 ล้านตัน ผนวกกับสต๊อกน้ำมันปาล์มเก่าคงค้างที่ยังมีปริมาณสูง และการทำตลาดส่งออกยังชะงักงันทำให้ราคาผลปาล์มลดลงต่ำกว่า กก.ละ 2.00 บาท

ล่าสุดคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2562 มีมติให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) 200,000 ตัน ไปผลิตกระแสไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกง เพิ่มเติมจากเดิมที่ซื้อไปแล้ว 160,000 ตัน โดยราคาน้ำมันปาล์มดิบที่ควรรับซื้อเบื้องต้น กก.ละ 16.25-16.50 บาท สอดคล้องกับราคาผลปาล์ม กก.ละ 2.50-3.00 บาท ใกล้เคียงต้นทุนเกษตรกร และพิจารณาค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว แต่อย่างไรก็ดี กฟผ.จะเป็นผู้พิจารณาราคารับซื้อ เพื่อให้เหมาะสมกับตลาดอีกคร้้ง

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ก่อนเริ่มการรับซื้อ กรมการค้าภายในตรวจสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบทั้งประเทศ มีปริมาณ 400,000 ตัน โดยอยู่ในโรงสกัดปริมาณ 208,000 ตัน โดยกรมส่งรายชื่อโรงสกัดพร้อมปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบที่ตรวจได้ ให้ กฟผ.พิจารณาคัดเลือก

ทั้งนี้ กฟผ.ได้ประกาศรับสมัครผู้สนใจจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบแล้วตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2562 กำหนดคุณสมบัติ เช่น ต้องเป็นโรงงานสกัดที่มีสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในคลังของตัวเองเท่านั้น ในปริมาณไม่น้อยกว่า 50% ของปริมาณที่เสนอขาย และน้ำมันปาล์มดิบที่ขายต้องมีกรดไขมันอิสระ (FFA) ไม่เกิน 5% ความชื้นไม่เกิน 0.05% เป็นต้น โดยให้ยื่นเสนอขายในวันที่ 16 พ.ค. และจะลงนามสัญญาซื้อขายวันที่ 21 พ.ค. เริ่มส่งมอบน้ำมันดิบในวันที่ 22 พ.ค.นี้ กำหนดให้เสร็จภายใน 15 วัน ทั้งนี้ ภาครัฐจะตรวจสอบสต๊อกผู้ที่ได้รับคัดเลือกทั้งก่อนและหลังการส่งมอบ เพื่อกำกับดูแลให้บรรลุเป้าหมาย

ปรับภาษีสรรพสามิตไบโอดีเซล 

นอกจากนี้ กรมยังส่งเสริมการใช้น้ำมันปาล์มบริโภคผ่านช่องทางธงฟ้าประชารัฐ เป้าหมาย 2,500-5,000 ตัน รวมทั้งผลักดันการใช้น้ำมันปาล์มดิบในพลังงาน ทั้งไบโอดีเซล บี 20 อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทางกรมสรรพสามิต ได้ทบทวนอัตราภาษีไบโอดีเซลใหม่ โดยกำหนดให้น้ำมันไบโอดีเซลที่มีน้ำมันปาล์มผสมไม่เกิน 4% ถูกเก็บภาษี อัตราลิตรละ 6.44 บาท หากผสม 4-7% (บี 7) ลิตรละ 5.99 บาท และผสม 7-9% (บี 10) ลิตรละ 5.93 บาท ส่วนผสม 9-14% (บี 20 ) ลิตรละ 5.48 บาท และผสม 19-24% ลิตรละ 5.153 บาท เป็นการปรับลดลงจากเดิมที่เก็บ บี 7 อัตรา ลิตรละ 5.98 บาท และบี 20 ลิตรละ 5.12 บาท เพื่อช่วยแก้ราคาปาล์มตกต่ำ และดูแลปัญหาสิ่งแวดล้อมอีกทางหนึ่ง

กฟผ.เตรียมงบหนุน 

นางราณี โฆษิตวาณิช ผู้ช่วยผู้ว่าการบริหารเชื้อเพลิง กฟผ. กล่าวว่า หลังที่ทำการซื้อขายและรับทราบต้นทุนที่แท้จริงแล้ว กฟผ.จะหารือกับกระทรวงการคลัง เพื่อขอการสนับสนุนมาตรการการเงินการคลังของภาครัฐที่ไม่ใช่โครงการนโยบายรัฐตามประกาศ การกำกับดูแลการดำเนินธุรกิจตามโครงการนโยบายรัฐ (Public Service Account : PSA) อย่างไรก็ตาม การนำน้ำมันปาล์มดิบมาผลิตไฟฟ้าครั้งนี้จะไม่มีผลต่อค่าไฟฟ้า (Ft) ของประชาชน แม้ต้นทุนค่าไฟฟ้าจากน้ำมันปาล์มดิบจะสูงกว่าระบบการใช้ก๊าซตามปกติ

โรงสกัดแบ่งรับแบ่งสู้

นายกฤษดา ชวนะนันท์ นายกสมาคมโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การรับเสนอขายน้ำมันปาล์มดิบขึ้นอยู่กับความพร้อมของโรงสกัดแต่ละโรง ซึ่งต้องคำนึงถึงปัจจัยและข้อจำกัดต่าง ๆ ทั้งราคา เงื่อนไขการรับซื้อ สภาพคล่อง

ส่วนราคาที่โรงสกัดแต่ละโรงจะเสนอขายคงต้องพิจารณาตามความเหมาะสมและต้นทุนที่เกิดขึ้น และคงมีระดับที่ไม่ต่ำกว่าราคาตลาดปัจจุบัน ซึ่งเฉลี่ยที่ กก.ละ 15.50-15.75 บาท

“ขณะนี้เป็นช่วงโค้งสุดท้ายจะเหลือผลผลิตไม่มาก ดังนั้น เกษตรกรชะลอการตัดไปก่อนเพื่อให้ได้ราคาที่ดี ก่อนที่ผลผลิตจะออกอีกครั้งเดือนกรกฎาคม 2562 เชื่อว่าโครงการดังกล่าวจะพยุงราคาผลปาล์มให้สูงขึ้นได้ แต่จะถึงเป้าหมาย กก.ละ 3 บาทหรือไม่ ต้องดูตลาดและเปอร์เซ็นต์ของน้ำมันปาล์มดิบด้วย”

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบสถานการณ์ราคาหลังจากรัฐกำหนดมาตรการทำให้ราคาตผลปาล์มน้ำมันปรับสูงขึ้นมาเฉลี่ย กก.ละ 10 สตางค์ (ตาราง) แต่ยังต้องรอติดตามผลการใช้มาตรการหลังจาก กฟผ.เริ่มรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบว่าจะช่วยยกระดับราคาปาล์มน้ำมันให้ถึงเป้าหมาย กก.ละ 3 บาทได้หรือไม่