ราคาน้ำมันทุบกำลังซื้อตลาดส่งออกตะวันออกกลางหด “ทูตพาณิชย์” ลุ้น “World Expo 2020-บอลโลก 2022” สร้างโอกาสสินค้าก่อสร้าง ของตกแต่งบ้าน อาหาร เสื้อผ้ากีฬา ฉุดยอส่งออกปี”62 โต 2%
ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า สถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ที่ยังคงความเข้มข้นจากการเพิ่มกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าลอตใหม่ มีแนวโน้มส่งผลกดดันต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ และความต้องการใช้น้ำมันในระยะยาว ทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลง โดยล่าสุดราคาน้ำมันดิบที่ดูไบและเวสต์เทกซัส เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 69.69 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 60.71 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลงจาก 1-2 เหรียญสหรัฐจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเด็นนี้ส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงกำลังซื้อของตลาดตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นตลาดที่มีสัดส่วนประมาณ 3.4% ของการส่งออกไทย
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
นายปณต บุณยะโหตระ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กลุ่มประเทศตลาดตะวันออกกลางทั้งหมด 15 ประเทศ บางประเทศในกลุ่มนี้เกิดภาวะปัญหาความไม่สงบทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว รายได้หลักจากราคาน้ำมันก็ลดลงจากราคาน้ำมันโลก รวมไปถึงการไหลออกของเงินทุนไปยังต่างประเทศ ส่งผลให้การส่งออกของไทยไปยังตลาดดังกล่าวช่วง 4 เดือนแรกปีนี้ลดลง 7%
แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงประเมินว่าการส่งออกไปยังตลาดนี้มีโอกาสจะขยายตัว 0-2% เพราะแม้มีปัจจัยเสี่ยง แต่ก็ยังมีโอกาสที่กำลังซื้อของตลาดจะฟื้นกลับมา จากการจัดงานแสดงสินค้า World Expo 2020 ต่อเนื่องด้วยการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2022 ประเทศกาตาร์เป็นเจ้าภาพ ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ไทยจะผลักดันการส่งออกสินค้ากลุ่มก่อสร้าง ของตกแต่งบ้าน อาหาร รวมถึงเสื้อผ้ากีฬา เป็นต้น
“งานใหญ่ทั้ง 2 งาน ทำให้ทั้งทางสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งจัดในเมืองดูไบ ลงทุนก่อสร้างอาคารในการจัดงานครั้งนี้ยิ่งใหญ่ ส่งผลให้ทางประเทศมีความต้องการสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ก่อสร้าง สินค้าของตกแต่งบ้านเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ยังประเมินว่ามีผู้ที่สนใจจะเดินทางมาเข้าร่วมงานนี้ถึง 20 ล้านคน ซึ่งจะทำให้โรงแรม ร้านอาหาร สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ต้องลงทุนขยายตัวเพื่อรองรับผู้เข้างาน ขณะที่การจัดการแข่งขันกีฬาบอลโลกจะส่งผลดีต่อผู้ผลิตเสื้อผ้ากีฬาของไทย เพราะไทยพบว่ามีสัดส่วน 60% เป็นผู้ประกอบการไทยที่ผลิตเสื้อผ้ากีฬาให้กับกีฬาบอลโลก นี่จะเป็นโอกาสให้การส่งออกเสื้อผ้ากีฬารวมถึงสินค้าที่เกี่ยวข้องกับกีฬามากขึ้น สินค้าของที่ระลึก
อย่างไรก็ตาม ทาง สคต.จะต้องเร่งแก้ไขปัญหาและอุปสรรคในการส่งออก โดยเฉพาะเรื่องต้นทุนโลจิสติกส์ของไทยในปัจจุบันที่ยังสูงกว่าคู่แข่ง เช่น จีน อินเดีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ซึ่งเป็น
ผู้ส่งออกสินค้าใกล้เคียงประเทศไทย เช่น อาหาร ผลไม้สด ข้าว โดยอยู่ระหว่างการหารือกับผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์ เพื่อหาช่องทางลดต้นทุนช่วยให้ไทยสามารถแข่งขันได้ ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างการแก้ปัญหาเรื่องการชำระเงินในการซื้อขายสินค้าข้าวไทย โดยตลาดอิรักที่นำเข้าข้าวปีละ 1 ล้านตัน เพื่อให้การส่งออกเป็นไปได้อย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น
รายงานข่าวระบุว่า กลยุทธ์สำคัญในการผลักดันการส่งออกไปตะวันออกกลาง ยังเน้นการนำคณะภาคเอกชนเข้าร่วมงานแสดงสินค้า เช่น ไทยแลนด์เอ็กซิบิชั่นในกาตาร์ เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าและทดลองตลาด รวมไปถึงหาคู่ค้า พันธมิตร โดยจะขยายไปยังตลาดรองที่มีศักยภาพ เช่น โอมาน บาห์เรน อิรัก อิหร่าน เยเมน ไซปรัส เลบานอน ตลอดจนจัดเวทีเจรจาการค้า เช่น การประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) โดยเชื่อว่าจากกิจกรรมที่จะทำให้มีโอกาสผลักดันการส่งออกไทยไปยังตลาดนี้มากขึ้น และการขยายการทำตลาดเชื่อมโยงไปตลาดที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล เช่น เจาะตลาดเอธิโอเปียผ่านจิบูตี มีผลต่อการขยายตลาดได้ในอนาคต
ทั้งนี้ ภาพรวมการส่งออกสินค้าไปยังตะวันออกกลางช่วง 4 เดือนแรก (มกราคม-เมษายน) 2562 มีมูลค่า 2,730.0 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 7.40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ มูลค่า 738.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 15.1% อัญมณีและเครื่องประดับ มูลค่า 215.2 ติดลบ 4.36% เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ มูลค่า 166.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง40.78% อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป มูลค่า 147.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น8.6% ผลิตภัณฑ์ยาง 129.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.67% ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ 98.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 13.85% ข้าว มูลค่า 91.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 6.18%