สวิฟท์แนะรัฐหนุน3ผลไม้ดาวรุ่งจากโครงการแปลงใหญ่

แล้งทำพิษ “สวิฟท์” ผู้ส่งออกมะม่วงรายใหญ่ หวั่นยอดส่งออกหด แนะภาครัฐช่วยหนุนผลผลิตแปลงใหญ่ สร้างดาวเด่นผลไม้ใหม่ “สับปะรดสด มะพร้าวน้ำหอม มะขามหวาน” 

นางสาวปภาวี สุธาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สวิฟท์ จำกัด ผู้ส่งออกมะม่วงรายใหญ่ไปต่างประเทศ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในปีนี้คาดว่าจะส่งออกมะม่วงที่ผ่านการอบไอน้ำได้

ลดลงไม่ถึง 1,000 ตันเท่ากับปีที่ผ่านมา เนื่องจากภาวะฝนแล้งยาวนานในไทย ทำให้ผลผลิตที่มีคุณภาพไม่สม่ำเสมอ ทางบริษัทจึงแจ้งลูกค้าต่างประเทศเพราะเกรงว่าหากส่งออกไปจะทำลายความน่าเชื่อถือ สำหรับตลาดหลักมะม่วงที่ผ่านการอบไอน้ำไปญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ส่วนผลไม้ชนิดอื่นที่บริษัทส่งออก ได้แก่ ทุเรียนแกะเปลือกไม่แช่แข็งไปยุโรปและออสเตรเลีย ซึ่งเริ่มได้รับความนิยมบริโภคมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการส่งออกผัก ทั้งหน่อไม้ฝรั่ง ข้าวโพดฝักอ่อน ฟักทอง และล่าสุดมีการส่งออกชุดเครื่องเทศพร้อมปรุง ที่รวมกะทิผง น้ำปลาไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์เพิ่มขึ้นด้วย

“บริษัทพร้อมขยายการส่งออกผลไม้อีก 2-3 ชนิด ขณะนี้กำลังทดสอบอยู่ เพื่อให้คุณภาพของสินค้าสม่ำเสมอหรือนิ่งมากกว่านี้ การส่งออกผลไม้ต้องคุมคุณภาพให้ได้ เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือจากลูกค้า และการส่งออกทางเครื่องบินเพื่อให้ถึงมือลูกค้าโดยเร็ว จะช่วยลดความเสี่ยงด้านคุณภาพได้มากแม้จะมีค่าขนส่ง กก.ละ 30 บาทเศษ สูงกว่าการขนส่งทางเรือ ซึ่งคู่แข่งไทย อาทิ เปรู อินเดีย จะนิยมส่งออกมะม่วงทางเรือเพราะมีพันธุ์เปลือกหนา ทำให้ขายในราคาต่ำกว่าไทย แต่หากเราคุมคุณภาพทั้งการผลิต การเก็บเกี่ยวและการขนส่งได้ ลูกค้าก็จะเชื่อถือสินค้าเรา”

ส่วนกรณีที่กรมส่งเสริมการเกษตรจะส่งเสริมผลไม้แปลงใหญ่ คือ สับปะรดสด มะขามหวาน และมะพร้าวน้ำหอมเป็นดาวเด่นดวงใหม่ที่จะส่งออกต่างประเทศในปีนี้นั้น นางสาวปภาวีกล่าวว่า มะพร้าวน้ำหอมที่ไทยส่งออกไปหลายประเทศ อาทิ สหรัฐ จีน มาเลเซีย ไต้หวัน ปีละ 2 แสนตัน มูลค่า 4,000 กว่าล้านบาท ตลาดเหล่านี้ยังมีช่องว่างอีกมาก โดยเฉพาะมะพร้าวน้ำหอม ซึ่งทางสหรัฐวิจัยเป็นเนเชอรัล เอ็นเนอร์ยี่ ดริงก์ ส่วนใหญ่สหรัฐสั่งนำเข้ามะพร้าวแกงจากเปรู แต่ต้องสกัดเอาความหืนออก หากรัฐบาลไทยวิจัยคุณค่ามะพร้าวน้ำหอมจะช่วยขยายตลาดส่งออกได้ ส่วนสับปะรดสดก็มีโอกาสเติบโต และต้องหาทางแก้ข้อจำกัดด้านการขนส่งทางเรือแทนรถยนต์ เพราะมีต้นทุนค่าขนส่งต่ำกว่า แต่ต้องส่งมากถึงครั้งละ 1-2 ล้านลูก อีกทั้งการขนส่งทางเรือใช้เวลา 2 สัปดาห์ เมื่อถึงปลายทางไส้ดำ ต้องหารือกันว่าจะมีสายพันธุ์ใดที่เหมาะสม และต้องเพิ่มขนาดผลจาก 1-1.5 เป็น 2 กก.


อย่างไร ส่วนมะขามหวานก็มีสรรพคุณเป็นยาระบายธรรมชาติ แต่ต้องแก้ปัญหาเรื่องเชื้อรา