พาณิชย์ ชง กนป.รื้อยุทธศาสตร์ปาล์ม เร่งคลอดกฎหมายคุมปฏิรูประบบ

ก.ค้าภายใน เล็งชงกนป. ทบทวนยุทธศาสตร์ปาล์ม-ร่างพรบ.ปาล์มน้ำมันให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว หวังปฏิรูปทั้งระบบ ล่าสุดลงพื้นกระบี่-สุราษฎร์ธานี ชี้สต๊อกปาล์มลดลงแล้วเหลือ 3.09 แสนตันใกล้เคียงปกติ ราคาผลปาล์มขยับขึ้น กก.3.20บ.

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยระหว่างการลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีและกระบี่ ในวันที่ 14 มิถุนายน 2562 เพื่อติดตามกำกับดูแลการซื้อขายผลปาล์มน้ำมันว่าสอดคล้องกับภาวะอุปสงค์อุปทานและกลไกตลาดที่แท้จริงหรือไม่ พบว่า จากนโยบายส่งเสริมการใช้บี 20 และ บี 100 เพื่อรองรับผลผลิตน้ำมันปาล์มในระยะยาว กรมฯ ได้เพิ่มความเข้มงวดในการติดตามตรวจสอบพฤติกรรมทางการค้า มิให้มีการฉวยโอกาสดำเนินการอันไม่เป็นธรรมต่อเกษตรกรและผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น การแสดงราคาซื้อขายที่สร้างความเข้าใจคลาดเคลื่อนให้แก่ผู้ขาย การใช้เครื่องชั่งที่ไม่ได้มาตรฐานหรือจงใจกระทำการใดที่เป็นการฉ้อโกง เป็นต้น รวมทั้ง เพื่อติดตามแนวโน้มสถานการณ์การผลิตการตลาดในระยะต่อไป เพื่อให้สามารถเตรียมมาตรการรองรับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้อีกในอนาคต และสอดคล้องกับนโยบายผลักดันการใช้ปาล์มน้ำมันในการผลิตพลังงาน

ทั้งนี้ ผลจากการลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีและกระบี่ พบว่า สถานการณ์ปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันกรมการค้าภายในก็ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนการดำเนินการเพื่อให้ราคาผลปาล์มน้ำมันที่เกษตรกรขายได้มีเสถียรภาพ ทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพระบบตรวจสอบและบริหารจัดการสต็อกน้ำมันปาล์มคงเหลือ อีกทั้ง การเตรียมเสนอคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) พิจารณาทบทวนยุทธศาสตร์ปฏิรูปปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทั้งระบบให้สอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนแปลงไป การผลักดันมาตรฐานทะลายปาล์มและลานเทให้เป็นมาตรฐานบังคับ การเร่งทบทวนร่างพระราชบัญญัติปาล์มน้ำมันและผลิตภัณฑ์จากปาล์มน้ำมัน ให้มีผลใช้บังคับโดยเร็ว การพัฒนาการผลิตในเชิงพาณิชย์ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ เป็นต้น จึงขอความร่วมมือผู้เกี่ยวข้องทั้ง ภาคเกษตรกรและผู้ประกอบการได้ร่วมขับเคลื่อนเพื่อสร้างดุลยภาพของอุปสงค์อุปทานและราคาไปพร้อมกัน เพื่อให้อุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มของไทยมีศักยภาพและเป็นความมั่นคงที่สร้างความปลอดภัยด้านอาหารและด้านพลังงานของประเทศที่ยั่งยืนต่อไป

อย่างไรก็ดี ตามที่กรมการค้าภายในได้ร่วมกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการแก้ไขปัญหาราคาผลปาล์มน้ำมันตกต่ำ อันเนื่องจากผลผลิตปาล์มเพิ่มขึ้นจนเกินความต้องการของตลาดรองรับ ทำให้มีปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มดิบส่วนเกินสะสมอยู่ในระบบสูงถึง 400,000 ตัน ตั้งแต่ปลายปี 2561 เป็นต้นมา โดยได้ใช้มาตรการเพิ่มปริมาณการใช้ด้านพลังงานในประเทศ ทั้งมาตรการที่ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ นำน้ำมันปาล์มดิบไปผลิตกระแสไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกง จำนวน 160,000 ตัน และขยายผลต่อเนื่องด้วยการใช้น้ำมันปาล์มดิบผลิตกระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้นที่เป้าหมาย 200,000 ตัน และมาตรการที่ร่วมกับกรมธุรกิจพลังงาน ในการผลักดันการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 ในรถบรรทุกขนาดใหญ่ ซึ่งต่อมาได้รับความสนใจจากประชาชนผู้ใช้รถยนต์ขนาดเล็กเพิ่มขึ้นด้วย รวมทั้งการส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซล บี 100 ในเครื่องจักรกลและอุปกรณ์การเกษตร เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรในเกษตรกรรมทุกสาขาด้วยนั้น


การขับเคลื่อนมาตรการดังกล่าว ส่งผลให้ปัญหาสต็อกน้ำมันปาล์มส่วนเกินคลี่คลายลงระดับหนึ่งแล้ว โดยการตรวจสอบสต็อกน้ำมันปาล์มดิบคงเหลือในระบบ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (5 -7 มิ.ย.62) พบว่า มีน้ำมันปาล์มดิบ คงเหลืออยู่ในระบบเพียง 309,823.67 ตัน ใกล้เคียงกับระดับสต็อกน้ำมันปาล์มดิบสำรองที่ควรจะมีไม่เกิน 250,000 ตัน ประกอบกับผลผลิตผลปาล์มน้ำมันออกสู่ตลาดลดลงตามฤดูกาล จึงส่งผลให้ราคาผลปาล์มน้ำมันที่เกษตรกรขายได้ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง จากที่เคยอยู่ในระดับต่ำสุดกิโลกรัมละ 1.80 บาท ปัจจุบัน (13 มิ.ย.62) อยู่ที่ กิโลกรัมละ 2.80 – 3.30 บาท