สงครามราคาที่ดินนิคมอีอีซีเดือด “อมตะ”ชูบริการหลังการขาย Smart City ดูดนักลงทุนหนีคู่แข่ง ตั้งเป้าดันยอดขายปี’62 เฉียดพันไร่
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมมีการแข่งขันกันค่อนข้างมาก จนทำให้กังวลว่าจะเกิดภาวะสงครามราคาที่ดิน โดยยอมรับขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณการเกิดภาวะสงครามราคาที่ดินแล้ว แต่อมตะฯ ยังไม่มีความจำเป็นต้องปรับราคาที่ดินให้ถูกลง หรือใช้โปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้าแต่อย่างใด เนื่องจากอมตะฯ มีความแข็งในเรื่องของบริการหลังการขาย และมีกลุ่มลูกค้าชัดเจน เลือกส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายที่สะอาดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเข้ามาตั้งในนิคมฯ เท่านั้น บวกกับความเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ไม่จำเป็นต้องลงไปแข่งเรื่องของราคา
โดยตลอดถนนเส้นชลบุรี-ระยอง หมายเลข 331 ปัจจุบันมีนักลงทุนพัฒนานิคมอุตสาหกรรมทั้งรายใหม่และรายเดิมแข่งขันกันมากอย่าง นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ (WHA) หรือเหมราช, นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ, นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง และนิคมอุตสาหกรรมซีพี (CP)
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- หุ้นไทยดิ่งหนัก ตลาดหลักทรัพย์ออก Statement ชี้แจง
- “ทอง” รับข่าวร้ายดันราคาขาขึ้น บาทอ่อนค่าจ่อทะลุ 37 บาท
สำหรับปี 2562 นี้ อมตะฯ ตั้งเป้าหมายยอดขายที่ดินในไทย 950 ไร่ เป็นนิคมอุตสาหกรรมซิตี้ จ.ชลบุรี 150 ไร่ นิคมอุตสาหกรรมซิตี้ จ.ระยอง 500 ไร่ และนิคมอุตสาหกรรมไทยจีน 300 ไร่ คาดรายได้ที่รับรู้จากการขายที่ดินปีนี้ประมาณ 2,500 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ 70% ของรายได้ที่รับรู้ จากยอดขายครึ่งแรกของปีนี้ (ม.ค-มิ.ย.2562) อยู่ที่ประมาณ 200 กว่าไร่ ประกอบกับตั้งเป้าหมายยอดที่ดินในประเทศเวียดนามอีก 125 ไร่ รวมเป้าหมายยอดขายทั้งกลุ่มอมตะปีนี้อยู่ที่ 1,057 ไร่
และจากอานิสงส์ของสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ ทำให้นักลงทุนจีนย้ายฐานการผลิตเข้ามาในไทยมากขึ้น ซึ่งจะเห็นชัดเจนในช่วงไตรมาส 2-3 นี้ ที่คาดจะมีการลงทุนมากกว่า 50% ของการลงทุนทั้งหมดในกลุ่มอมตะ ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมยานยนต์ ชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ เกษตร และอาหาร
ทั้งนี้ หากประเมินแนวโน้มนักลงทุนต่างชาติต่อจากนี้ ทั้ง ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน คาดว่าจะเข้ามาลงทุนโดยตรงในไทยมากขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนจากญี่ปุ่นลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ชลบุรี ในสัดส่วน 62-63% จีน 2-3% และนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง สัดส่วนจีนลงทุน 36% ญี่ปุ่นลงทุน 31-32% เนื่องจากมีความได้เปรียบเรื่องที่ตั้งอยู่ใกล้ท่าเรือแหลมฉบัง ต้นทุนถูกกว่าอมตะซิตี้ จ.ชลบุรี 2 เท่า
สำหรับภาพการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(EEC) นับว่าชะลอตัวลง เนื่องจากโครงการลงทุนตามแผนของ EEC ต่างๆ มีความล่าช้า ประกอบกับขั้นตอนการยื่นคำขอรับการส่งเสริมการลงทุน และการอนุมัติ อนุญาติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความซับซ้อน ต้องขอผ่านทั้ง สำนักงานส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) ก่อนกลับมายื่นที่ สำนักงาน EEC อีกครั้ง แม้ว่าจะมีแผนการวางระบบ One Stop Service แล้วแต่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ทำให้ขณะนี้การยื่นขออนุญาติต่างๆ ยังเป็นขั้นตอนเดิมอยู่ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากบุคลากรของ EEC มีจำนวนไม่เพียงพอในการทำงาน นับเป็นอุปสรรคต่อนักลงทุน ในการขอรับส่งเสริมการลงทุนพื้นที่ EEC