“พล.ต.อ.เดชณรงค์” นำทัพคณะกรรมการตรวจ 8 คลังกลางตามคำสั่งนายกฯ ด้านเอกชนผิดหวังรัฐปัดไม่จัดเกรดใหม่

‘พล.ต.อ.เดชณรงค์’ นำทัพคณะกรรมการตรวจ 8 คลังกลาง ตามคำสั่งนายกฯ – เอกชนผิดหวังรัฐปัดไม่จัดเกรดใหม่ ยืนยันเดินหน้าระบายต่อ ต้องสู้คดีค่าส่วนต่างในชั้นศาล

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2560 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีคำสั่งตั้ง พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รอง ผบ.ตร.เป็นหัวหน้าคณะดำเนินการตรวจสอบการระบายข้าวสาร หลังจากที่มีเอกชนเรียกร้องให้รัฐบาลตรวจสอบโกดังกลางบรรจุข้าวสารในโครงการรับจำนำข้าว 8 แห่ง ที่ยืนยันว่าข้าวในคลังเป็นข้าวที่มีคุณภาพดีสามารถนำไปใช้ปรับปรุงเพื่อการบริโภคได้ และยินดีซื้อคืนจากรัฐบาลในราคาสูง แต่รัฐบาลปฏิเสธไม่จำหน่ายให้ และนำข้าวดังกล่าวไปประมูลเพื่อในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ทำให้ระดับราคาที่รัฐขายออกไปต่ำผิดปกติ ซึ่งอาจจะมีผลให้เจ้าของคลังต้องชดใช้ส่วนต่างระหว่างราคาขายกับต้นทุนการรับจำนำสูงขึ้น

สำหรับ 8 คลังกลางที่ให้มีการตรวจสอบ ประกอบด้วย คลังวรโชติ หลัง 2 จ.อ่างทอง, คลังถาวรโชคชัย หลัง 1 จ.สระบุรี, คลัง บจก.โรงสีไฟแสงไพฑูรย์ (2000), คลังกิจเจริญทรัพย์ จ.ลพบุรี 3 หลัง, คลังโรงสีไฟเจริญประภา

นางสาวอิศราภรณ์ คงฉวี กรรมการผู้จัดการคลังวรโชติ 2 อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ได้รับการติดต่อจากทางคณะกรรมการว่าจะเข้ามาตรวจสอบช่วง 7.00 น.ของวันนี้แต่ภายหลังขอยกเลิก คาดว่าคงจะใช้วิธีทยอยสุ่มตรวจไปยังแต่ละราย

แต่อย่างไรก็ตามนับจากมีการร้องเรียนทางรัฐบาลไปเมื่อ 1 เดือนก่อน ทางภาครัฐก็ไม่ได้ยุติการส่งมอบข้าวให้กับผู้ชนะการประมูล ซึ่งจนถึงขณะนี้คลังได้ส่งมอบข้าวทั้งหมดให้กับผู้ชนะการประมูลไปหมดแล้วจึงไม่เหลือหลักฐานอะไรให้ตรวจสอบ ดังนั้น มองว่าการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบครั้งคงไม่ได้มีผลอะไรนอกจากเป็นการยืนยันว่ารัฐบาลได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง ไม่ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยไม่ได้สนใจว่าผลการขายข้าวจะเป็นอย่างไร

ขณะที่นายไตรสิทธิ์ เจริญหิรัญโภคิน เจ้าของคลังกิจเจริญทรัพย์ จ.ลพบุรี กล่าวว่า คณะกรรมการนำโดยพล.ต.อ.เดชณรงค์ พร้อมด้วยนางจินตนา ชัยวรรณาการ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และพล.ต.ต.ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานคณะกรรมการองค์การคบังสินค้า (อคส.) ได้เดินทางมาตรวจคลังในวันนี้ แต่เป็นการตรวจสอบในประเด็นขั้นตอนการระบายข้าวออกจากคลัง เพื่อป้องกันไม่ให้ข้าวไหลคืนกลับสู่ตลาดไม่ใช่การตรวจสอบในประเด็นที่ทางผู้ประกอบการคลังกลางร้องเรียนไปว่าข้าวในคลังเป็นข้าวที่มีคุณภาพดีแต่ถูกนำไประบายเป็นข้าวเพื่อใช้ในอุตสาหกรรม

โดยขณะนี้คลังกิจเจริญทรัพย์ เหลือข้าวสารในคลัง 20,000 ตัน (200,000 กระสอบ) ซึ่งในจำนวนนี้เป็นข้าวหอมปทุม 5% จากโครงการรับจำนำปี 2556 / 2557 จำนวน 108,000 กระสอบ แต่ที่มีปัญหาในเรื่องของการจัดเกรดนั้นมีเพียงคลังหลังที่ 2 คลังเดียว ซึ่งมีข้าวเกรดซีอยู่ 84,000 กระสอบ โดยในคลังนี้จัดวางข้าวเป็น 5 กอง ประกอบด้วย ข้าวเกรด A จำนวน 3 กอง เกรด B จำนวน 1 กอง และเกรด C จำนวน 1 กอง จึงเข้าหลักเกณฑ์ว่าถ้ามีข้าวเกรด C เกิน 20% ถูกจัดเป็นข้าวสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่คนบริโภค ทั้งที่ทางเรายืนยันว่าเป็นข้าวคุณภาพดี

” หลังจากตรวจสอบได้รับแจ้งผลทันทีว่าคลังของเราทั้ง 4 คลัง มีความแข็งแรงมั่นคง มีกุญแจครบ ไม่มีปัญหา ซึ่งหนึ่งในคณะกรรมการที่มาตรวจสอบยืนยันว่าจะไม่มีการตรวจสอบและจัดเกรดข้าวใหม่ตามที่เราร้องขอ โดยกรมการค้าต่างประเทศจะเดินหน้าระบายข้าวต่อไป เนื่องจากหากตรวจตามความเสียหายของเจ้าของคลังที่ร้องเรียนมา อาจจะทำให้ขายข้าวได้ราคาเพิ่มขึ้นกิโลกรัมละ3- 4 บาทก็จริง แต่อาจจะต้องนำไปขายในตลาดใหม่ ซึ่งจะทำให้ราคาข้าวทั้งประเทศลดต่ำลง พูดอย่างนี้คลังกลางก็คงต้องเสียสละเพื่อชาติ ยอมรับผลการตรวจสอบและจัดเกรดเดิม และไปต่อสู้ทางคดีเรื่องค่าส่วนต่างราคา”

อย่างไรก็ตาม ตน จะทำหนังสือถึงประธานองค์การคลังสินค้า (อคส.) เพื่อขอให้เจ้าของคลังสามารถเข้าไปเก็บตัวอย่างข้าวไว้สำหรับเป็นหลักฐานในการต่อสู้ทางคดี หลังจากที่รับมอบข้าวให้กับผู้ชนะการประมูลหมดแล้ว ซึ่งประเด็นนี้ อคส.จะเสนอต่ที่ปนะชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว(นบข.)ต่อไป

รายงานข่าวระบุว่า ในวันเดียวกันนี้ คณะกรรมการได้เดินทางไปตรวจสอบโรงสีไฟเจริญประภาที่ อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี และในวันที่ 7 กันยายน จะเดินทางไปตรวจสอบคลังถาวรโชคชัย จ.สระบุรี และคลังโรงสีแสงไพฑูรย์ จ.นนทบุรี