ไทยเจ้าภาพ เตรียมรับเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียน ตบเท้าร่วมประชุม “SEOM” ถกวาระร้อนก่อนรอบผู้นำพ.ย.นี้

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจอาเซียน (SEOM) ครั้งที่ 3/50 เร่งติดตามความคืบหน้าประเด็นด้านเศรษฐกิจที่เหลืออีก 11 ประเด็น ก่อนเสนอผู้นำอาเซียนเดือนพฤศจิกายนนี้

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจอาเซียน (SEOM) ครั้งที่ 3/50 เป็นการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 14 – 18 กรกฎาคมนี้ ณ กรุงเทพฯ ทั้งนี้เพื่อเร่งติดตามความคืบหน้าประเด็นด้านเศรษฐกิจที่เหลืออีก 11 ประเด็น ก่อนเสนอผู้นำอาเซียนเดือนพฤศจิกายนนี้ พร้อมประชุมระหว่างอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา 9 ประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา แคนาดา อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และรัสเซีย เพื่อหารือผลักดันความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกันต่อไป

สำหรับการประชุม SEOM ครั้งนี้ จะหารือประเด็นที่สำคัญ เช่น ความคืบหน้าการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจ (Priority Economic Deliverables) ความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะทำงานสาขาต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การกำกับของ SEOM บทบาทเชิงรุกของอาเซียนในเรื่องการปฏิรูป WTO และการเตรียมท่าทีอาเซียนก่อนพบกับคู่เจรจา 9 ประเทศ เป็นต้น รวมทั้งการพบหารือกับองค์กรระหว่างประเทศอื่นๆ อาทิ เครือข่ายผู้ประกอบการสตรีอาเซียน (AWEN) สถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจเพื่ออาเซียนและเอเชียตะวันออก (ERIA) และผู้แทนโครงการสนับสนุนด้านการรวมตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียนจากสหภาพยุโรป (ARISE Plus)

ส่วนการติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจของอาเซียนที่จะต้องดำเนินการให้สำเร็จ ใน 3 ด้าน 13 ประเด็น ปีนี้ ได้แก่ (1) การเตรียมอาเซียนรับมืออนาคต เช่น การจัดทำแผนการดำเนินงานด้านดิจิทัล การจัดทำแนวทางการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อรองรับ 4IR การส่งเสริมการใช้ดิจิทัลในผู้ประกอบการรายย่อย เป็นต้น (2) ความเชื่อมโยง เช่น การเชื่อมโยงระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน (ASEAN Single Window) ให้ครบทั้ง 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอาหาร เป็นต้น และ (3) การสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ เช่น การส่งเสริมการประมงที่ยั่งยืน การดำเนินความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาพลังงานชีวภาพของอาเซียน เป็นต้น ซึ่งอาเซียนสามารถดำเนินการได้สำเร็จแล้ว 2 ประเด็น คือ การพัฒนากลไกการระดมทุนจากภาคเอกชนสำหรับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการจัดทำแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของตลาดทุนอาเซียน ซึ่งที่ประชุม SEOM จะติดตามความคืบหน้าในประเด็นที่เหลืออีก 11 ประเด็นต่อไป

ทั้งนี้ สำหรับการดำเนินงานของคณะทำงานสาขาต่างๆ ซึ่ง SEOM จะต้องติดตามความคืบหน้าเพื่อให้เป็นไปตามแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน พ.ศ. 2568 (AEC Blueprint 2025) เช่น คณะทำงานด้านการค้าสินค้า/ถิ่นกำเนิดสินค้า เรื่อง การใช้งานระบบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของอาเซียน ซึ่งขณะนี้สมาชิกอาเซียนสามารถตกลงระเบียบปฏิบัติในการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าร่วมกันได้แล้ว คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนมีนาคม 2563 คณะทำงานเรื่องมาตรฐานและคุณภาพในการจัดทำความตกลงยอมรับร่วมผลการตรวจสอบและรับรองผลิตภัณฑ์ยานยนต์ของอาเซียน (MRA ยานยนต์) ที่ขณะนี้ได้ข้อสรุปแล้วและอยู่ระหว่างการขัดเกลาถ้อยคำทางกฎหมาย เพื่อให้รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนลงนามในเดือนกันยายน 2562

ทั้งนี้ การพบหารือระหว่าง SEOM กับประเทศคู่เจรจาของอาเซียน 9 ประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา แคนาดา อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และรัสเซีย จะมีประเด็นหารือที่สำคัญ เช่น (1) ติดตามความพร้อมของประเทศสมาชิกในการเริ่มใช้บังคับกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้าฉบับใหม่ ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน – จีน (ACFTA) และความคืบหน้าความร่วมมือต่างๆ ภายใต้ข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (2) ติดตามความคืบหน้าการบังคับใช้พิธีสารฉบับที่หนึ่งเพื่อแก้ไขความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น (AJCEP) ซึ่งได้ลงนามพิธีสารฯ ครบทุกประเทศ เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2562 (3) หารือความคืบหน้าการเตรียมการเพื่อยกระดับความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน – ออสเตรเลีย – นิวซีแลนด์ (AANZFTA) ให้เป็นความตกลงการค้าเสรีที่มีมาตรฐานสูงขึ้น และหารือท่าทีร่วมในเรื่องการปฏิรูป WTO และ (4) ความคืบหน้าการดำเนินการความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียนกับสหรัฐฯ เป็นต้น

ทั้งนี้ อาเซียนเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทย ในปี 2561 การค้าระหว่างไทยกับอาเซียนมีมูลค่าการค้ารวม 113,934 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ร้อยละ 13 โดยในปี 2561 ไทยส่งออกไปอาเซียน มูลค่า 68,437 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากอาเซียน มูลค่า 45,497 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยเกินดุล 22,940 ล้านเหรียญสหรัฐ และปัจจุบันการส่งออกของไทยไปอาเซียน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 27 ของการส่งออกทั้งหมดของไทย