‘สนธิรัตน์’ รับเผือกร้อนพลังงาน ปรับแผนPDP-รื้อแท่นปิโตรเลียมส่งสตง.

ฝุ่นตลบพลังงาน “ศิริ” ฝากงานเผือกร้อน “สนธิรัตน์ ปรับแผนพีดีพี 2018 ส่งการบ้าน สตง. 120 วัน พร้อมเคลียร์ปมรื้ิอแท่นปิโตรเลียมนำเข้าแอลเอ็นจี ทำสัญญาซื้อขายไฟโรงไฟฟ้าภาคตะวันตก 

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า กระทรวงพลังงานหนึ่งในกระทรวงที่มีนโยบายสำคัญเป็นงานร้อนที่ต้องจับตา ในช่วงเปลี่ยนก่อนการผ่านรัฐบาลเพียงไม่กี่วันได้มีคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดินให้ทบทวนแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ PDP 2018 โดยรัฐเข้าไปถือหุ้นในโรงไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 51% ของกำลังการผลิตที่มีอยู่ เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 56 วรรค 2 ซึ่งต้องใช้เวลาลากยาวไปอีกอย่างน้อย 120 วันในการพิจารณาประเด็นดังกล่าว ผลการพิจารณาจะเป็นอย่างไรย่อมส่งผลถึงการวางแผนการผลิตไฟฟ้า เพื่อความมั่นคงของประเทศในระยะ 20 ปีข้างหน้า

โดยไส้ในของแผนพีดีพีนั้นเชื่อมโยงไปถึงการปรับสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นประเด็นการพิจารณาให้ กฟผ.นำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ลอตแรก 1.5 ล้านตันต่อปี ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ดำเนินการเปิดประมูลไปแล้ว โดยได้ผู้เสนอราคาต่ำสุด คือ ปิโตรนาส แอลเอ็นจี ซึ่งจะต้องเดินหน้าต่อหรือยกเลิกการประมูล รวมถึงกรณี กฟผ.ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับราชกรุ๊ป ในส่วนโรงไฟฟ้าภาคตะวันตกอีก 2 โรง กำลังการผลิตรวม 1,400 เมกะวัตต์ และให้บริษัทเนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ NPS เปลี่ยนเชื้อเพลิงจากถ่านหินเป็นก๊าซธรรมชาติ กำลังการผลิต 540 เมกะวัตต์ ตามที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ให้ความเห็นชอบไปแล้ว จะไฟเขียวหรือไม่ ยังไม่นับรวมโรงไฟฟ้าใหม่หรือโรงไฟฟ้าทดแทนโรงเดิมที่เอกชนยังรอการเปิดประมูล (IPP) ที่ยังไม่สะเด็ดน้ำ ส่วนแผนที่ถูกถอดออกไปชัดเจนแล้วว่าจะไม่มีนโยบายผลักดัน NGV และไม่มีโรงนิวเคลียร์ เนื่องจากไม่สอดคล้องกับบริบทและสถานการณ์ปัจจุบัน

ล่าสุด นายศิริ จิระพงศ์พันธ์ กล่าวเปิดใจในวันสุดท้ายฐานะตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน คนที่ 12 ก่อนส่งไม้ต่อให้นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ว่า ผลงานที่ดีที่สุด เชิงประจักษ์ ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งมี 2 เรื่องใหญ่ คือ ความสำเร็จของการประมูลสัมปทานแหล่งปิโตรเลียมบงกช-เอราวัณ เป็นอีกก้าวสำคัญของความมั่นคงด้านพลังงานไทยที่คั่งค้างใช้เวลานานกว่า 10 ปี ถือว่าประสบผลสำเร็จอย่างมากขณะที่ตนดำรงตำแหน่ง เช่นเดียวกับการแก้ไขปัญหาราคาปาล์มตกต่ำเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาปาล์มและดูดซับปาล์มน้ำมันที่ล้นตลาด เป็นงานแรกที่ท้าทายในช่วงที่ราคาปาล์มตกต่ำที่สุดเหลือบาทกว่าจนนำไปสู่ไอเดียการแก้ไขและกระตุ้นราคาเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรกอปรกับเป็นช่วงปัญหามลพิษฝุ่น PM 2.5 จึงพลิกวิกฤตเป็นโอกาสเกิดเป็นโครงการ บี 20 ที่เกิดจากความร่วมมือจากทุก ๆ หน่วยงานจนสำเร็จ ซึ่งแม้ว่าจะสิ้นสุดโครงการในเดือนนี้ และอีกหลาย ๆ โครงการที่มีกรอบระยะเวลา เช่น โซลาร์ประชาชน ล้วนแล้วแต่เป็นการบ้านส่งท้ายที่รัฐมนตรีใหม่ต้องต่อให้ติดและพิจารณาว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร

ขณะที่ประเด็นกรณีการรื้อถอนแท่นผลิตแหล่งปิโตรเลียม ซึ่งบริษัท เชฟรอน คอร์ปอเรชั่น และบริษัท โททาล ยื่นโนติ๊สเรื่องการวางหลักทรัพย์ค้ำประกันการรื้อถอนแท่น หลังจากแพ้การประมูลปิโตรเลียมนั้น ถือว่าเป็นสิทธิที่เอกชนสามารถยื่นร้องอนุญาโตตุลาการได้เพื่อขอให้มีคนกลางช่วยพิจารณา ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจา หากมีการ “ตีความต่างกัน” ต้องมาหารือในข้อกฎหมาย ประมาณการค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม “ตามสัญญาต้องมีการวางหลักประกันอยู่แล้วเหมือนการซื้อรถซื้อสินค้าทั่วไปตามกฎหมาย ส่วนมูลค่าเท่าไรนั้นเป็นเรื่องที่เจรจากันได้ เพราะคำว่าหลักประกันกับเงินสำรองนั้นไม่เหมือนกัน” แม้ว่า บ.โททาลจะเป็นหุ้นส่วนกับบริษัท ปตท.สผ.จำกัด (มหาชน) ในแหล่งบงกช แต่หากเป็นสัญญาคนละฉบับก็เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ แต่ยืนยันว่าจะไม่มีคำว่าเสียค่าโง่ ไม่ใช่ลักษณะนั้นแน่นอน

แหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้ได้เตรียมแผนและนโยบายพร้อมที่จะทำงานและสานต่อนโยบายร่วมกับรัฐมนตรีคนใหม่ซึ่งทราบว่าได้เริ่มทำการบ้านก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งโครงร่างนโยบายหลักและการบริหารงานทุกสังกัดองค์กรรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะงบฯกองทุนทั้งกองทุนน้ำมันฯและกองทุนอนุรักษ์พลังงาน

นายสนธิรัตน์กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เตรียมจะเข้ารับภารกิจกระทรวงพลังงานทันทีหลังจากถวายสัตย์ปฏิญาณ ในวันที่ 18 ก.ค.นี้ โดยขณะนี้ศึกษาข้อมูลถึงภารกิจที่ต้องเร่งดำเนินการสานต่อจากนายศิริ ซึ่งรู้จักกันดีและได้หารือกันเป็นการส่วนตัวแล้วถึงประเด็น ๆ ต่าง ตามที่ปรากฏ ทั้งเรื่องการทบทวนแผนพีดีพีใหม่อีกครั้งเพื่อเสนอต่อ สตง.ภายใน 120 วัน ประเด็นที่ 2 บริษัทเชฟรอนโททาล ซึ่งมีกระแสข่าวยื่นโนติ๊สต่อกระทรวงพลังงานเรื่องหลักประกันแท่นขุดเจาะ บงกช เอราวัณ รวมถึงการนำเข้า LNG ที่ได้ผู้ชนะประมูลแล้วมีกำหนดจะนำเข้าลอตแรกในปลายปีนี้