สทนช.ลุยอีสานล่าง 5 จว.ลุ่มน้ำมูลห่วงสถานการณ์น้ำน้อยกว่าเกณฑ์

แฟ้มภาพ

สทนช.ลงพื้นที่อีสานล่างชงแผนด่วน เล็งดึงน้ำจากเหมืองหินเก่าผลิตน้ำประปา จ.บุรีรัมย์ลดวิกฤติขาดน้ำกินน้ำใช้ พร้อมเร่งแผนระยะกลางโครงการพัฒนาแหล่งน้ำตามแผนแม่บทน้ำฯ และงบกลาง เร่งสร้างอ่างฯ ปรับปรุงปตร. ขยายระบบประปา ขุดลอกเพิ่มปริมาณน้ำกักเก็บให้เห็นผลก่อนสิ้นฝน

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า วันนี้ (15 ก.ค.62) นายสำเริง  แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ประชุมหารือร่วมกับนายธีรวัฒน์  วุฒิคุณ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

อาทิ กรมชลประทาน กรมอุตุนิยมวิทยา กรมทรัพยากรน้ำ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมฝนหลวงและการบินเกษตร พร้อมด้วยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ภาค 3 และเลขานุการลุ่มน้ำมูล ครอบคลุมพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ณ ศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์

ที่ประชุมได้ประเมินสถานการณ์ฝน สถานการณ์น้ำในแหล่งน้ำต่างๆ เพื่อกำหนดแนวทางมาตรการ แผนปฏิบัติการอย่างชัดเจน โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภค ที่ต้องเตรียมแผนรองรับในการหาแหล่งน้ำสำรองให้กับประชาชน พร้อมบูรณาการหน่วยงานเกี่ยวข้องไม่ให้ผลกระทบแล้งในช่วงฤดูฝนขยายวงกว้าง เพื่อสรุปรายงานต่อคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.)

นายสำเริง เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ฝนน้อยกว่าเกณฑ์ปกติที่เกิดขึ้น และอาจจะเกิดสถานการณ์แห้งแล้งรุนแรงมากขึ้นในอนาคต โดยได้กำชับทุกหน่วยงานติดตามสถานการณ์ และให้ความช่วยเหลือให้ประชาชนได้รับผลกระทบให้น้อยที่สุด

โดยสถานการณ์น้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือขณะนี้ พบว่า มีปริมาณน้ำภาพรวมคิดเป็นทั้งสิ้น 4,344 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 33% โดยแหล่งน้ำขนาดใหญ่เฝ้าระวังน้ำน้อยกว่า 30% จำนวน 7 แห่ง ได้แก่ เขื่อนจุฬาภรณ์ จ.ชัยภูมิ 28% เขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ 27% เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น 24%  เขื่อนลำนางรอง จ.บุรีรัมย์ 23% เขื่อนห้วยหลวง จ.อุดรธานี 23% เขื่อนน้ำพุง จ.สกลนคร 21% เขื่อนลำพระเพลิง จ.นครราชสีมา 15%

ขณะที่แหล่งน้ำขนาดกลางปริมาณน้ำน้อยกว่า 30% จำนวน 97 แห่ง ขณะที่ปริมาณฝนสะสม 15 วัน น้อยกว่า 30 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่ามีปริมาณฝนตกน้อยมีความเสี่ยงที่จะขาดแคลนน้ำและสถานการณ์แล้งใน 105 อำเภอ 12 จังหวัด ได้แก่ เลย หนองบัวลำพู กาฬสินธุ์ ยโสธร ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และนครราชสีมา

สำหรับแผนเร่งด่วนที่ประชุมได้มอบหมายให้หน่วยงานเจ้าภาพเร่งรัดดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมทั้งการปฏิยวกัน สทนช.ยังได้เร่งรัดแผนบริหารจัดการทรัพยากรน้ำปี 2562 ในพื้นที่ลุ่มน้ำมูล ซึ่งมีทั้งสิ้น 1,045 โครงการ พื้นที่รับประโยชน์ 45,665 ไร่ อาทิ โครงการประตูระบายน้ำหาดแสงจันทร์ จ.นครราชสีมา โครงการฝายบ้านก้านเหลือง จ.บุรีรัมย์  โครงการปรับปรุงขยายการประปาส่วนภูมิภาคสาขาศรีสะเกษ เป็นต้น

รวมถึงแผนการขุดลอกอ่างและแหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อรองรับปริมาณน้ำในฤดูฝน ตามที่ สทนช. ได้เสนอ ครม.อนุมัติงบกลาง 1,200 กว่าล้านบาท 144 โครงการนั้น เป็นโครงการในลุ่มน้ำมูลพื้นที่ จ.นครราชสีมาบุรีรัมย์ ศรีสะเกษ รวม 23 โครงการ พื้นที่รับประโยชน์ 17,810 ไร่ ปริมาณน้ำ 6 ล้าน ลบ.ม.

โดยมีโครงการสำคัญ อาทิ ขุดลอกอ่างเก็บน้ำห้วยซันโพรง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ พร้อมอาคารประกอบ จ.นครราชสีมา การเพิ่มประสิทธิภาพอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก จ.บุรีรัมย์ และขุดลอกหนองสะหนุน จ.ศรีสะเกษ  รวมถึงแผนการสร้างอ่างฯ ประตูระบายน้ำ ขุดลอกแหล่งเก็บน้ำ

ในปี 63-65 ในพื้นที่ 5 จังหวัด รวม 2,105 โครงการ พื้นที่รับประโยชน์ 56,804 ไร่ ปริมาณน้ำ 66 ล้าน ลบ.ม. อาทิ โครงการประตูระบายน้ำบ้านท่าม่วง จังหวัดบุรีรัมย์ โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำกุดตลาดยาว (พื้นที่แก้มลิง) จังหวัดบุรีรัมย์ ขุดลอกหนองน้ำไดตาเจก จังหวัดสุรินทร์ เป็นต้น

นายสำเริง กล่าวเพิ่มเติมถึงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภคที่เกิดขึ้นในจังหวัดบุรีรัมย์ เร่งด่วนว่าในระยะสั้นมี 4 มาตรการ ได้แก่

1.การประปาส่วนภูมิภาคได้จัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำเพื่อใช้ผลิต ซึ่งปัจจุบันได้ใช้มาตรการลดแรงดัน        น้ำในช่วงกลางคืนเพื่อยืดเวลาการใช้น้ำให้ได้ประมาณ 2 เดือน

  1. ชลประทานบุรีรัมย์จะทำการเปิดทางน้ำภายในอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด เพื่อนำน้ำที่มีปริมาณประมาณ 4 แสน ลบ.ม. ให้ไหลเข้าบริเวณโรงสูบของการประปาโดยตรง
  2. การนำน้ำจากเหมืองหินเก่า ซึ่งเป็นที่ของเอกชนมาใช้เพิ่มเติมในระบบของประปา โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมชลประทานจะบูรณาการร่วมกันและจัดหาเครื่องสูบน้ำเข้ามาดำเนินการเพื่อเป็นแผนสำรองให้มีน้ำประปาได้ถึง 50 วัน
  3. มอบหมายให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลจัดทำแผนเร่งด่วนในการเจาะบ่อน้ำบาดาล บริเวณรอบอ่างทั้งสองแห่งด้วย

“พื้นที่ภาคอีสานตอนล่างปริมาณฝนตกน้อยกว่าค่าเฉลี่ยปกติ พายุมูนที่ผ่านมาส่วนใหญ่ฝนไปตกบริเวณชายขอบภาคเท่านั้น  ซึ่งในระยะ 1-2 วันนี้กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าแนวโน้มฝนดีขึ้นแต่ไม่มากนัก ดังนั้น ทุกหน่วยงาน

ต้องติดตามการคาดการณ์สภาพฝนจากกรมอุตุฯอย่างใกล้ชิดด้วย เพื่อเร่งเก็บกักน้ำในแหล่งน้ำต่างๆ และประเมินผลกระทบต่อเนื่องด้วย โดยเฉพาะความเสี่ยงขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค  และการเกษตร รวมถึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดทำแผนงานโครงการระยะกลาง และระยะยาว เสนอมายัง สทนช. เพื่อเสนอ กนช.ให้ความเห็นชอบอนุมัติแผนงาน โครงการงบปประมาณต่อไป” นายสำเริง  กล่าว