เปิดความในใจ “กฤษฎา บุญราช” รมว.เกษตรฯ – อำลา รมช.ยักษ์ ผู้บุกเบิกนโยบายเกษตรอินทรีย์

นับตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2562 เป็นต้นไป นายกฤษฎา บุญราช จะเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลำดับที่ 66 ได้ปฎิบัติภารกิจเสร็จสิ้นลงตามที่ได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะเสร็จสิ้นลงนั้นนายกฤษฎา ได้ฝากสาร์นถึงปลัดเกษตรฯ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทั่วประเทศ ดังข้อความ ดังต่อไปนี้

ตามที่กระผมได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้กระผมมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่ 30 พ.ย.60 นั้น ตลอดระยะเวลา 1 ปี 7 เดือน 16 วัน ของการทำงานในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระผมได้รับความกรุณาจาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี รวมถึงส่วนราชการ ภาคประชาชน ตลอดจนกลุ่มองค์กรต่างๆ ที่สนับสนุนการปฏิบัติราชการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นอย่างดียิ่ง

ประการสำคัญที่ทำให้กระผมสามารถปฏิบัติงานได้อย่างราบรื่นก็เพราะการมีผู้ร่วมงานที่ดีทั้ง 2 ท่านคือ ท่านรัฐมนตรีช่วยฯ ลักษณ์ วจนานวัชและท่านรัฐมนตรีช่วยฯ วิวัฒน์ ศัลยกำธร

อีกทั้งยังได้รับความร่วมมืออันดีจากปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหารกรม ข้าราชการ ตลอดจนบุคลากรในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ทั่วประเทศ ทุกคนทำหน้าที่กันด้วยความมุ่งมั่นแข็งขันทำให้งานต่างๆ ที่พวกเราได้ริเริ่มปฏิรูปเพื่อแก้ไข ปรับปรุง และพัฒนาให้แก่เกษตรกรและประเทศชาติเริ่มเห็นผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม

อาทิ การปรับโครงสร้างการทำงานข้าราชการจาก 14 กรมในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ซึ่งใกล้ชิดกับเกษตรกรและประชาชนให้มาทำงานร่วมกันในรูปคณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์จังหวัด (อ.พ.ก.) ภายใต้การอำนวยการของผู้ว่าราชการจังหวัดส่งผลให้การแก้ไขปัญหาและงานพัฒนาการเกษตรกรรมมีความเป็นเอกภาพและมีประสิทธิภาพซึ่งเป็นมิติใหม่ในการทำงานของพวกเราในพื้นที่แบบไร้รอยต่อครับ

สิ่งหนึ่งที่กระผมเชื่อมั่นว่า พวกเราชาวกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะไม่มีวันลืมในชีวิตนี้คือ การที่พวกเราร่วมแรงร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวทำงานสนองพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ในงานการบริหารจัดการน้ำและงานฝนหลวง ซึ่งพระองค์พระราชทานโครงการพระราชดำริไว้เมื่อพ.ศ. ๒๔๙๘ เพื่อจะทรงช่วยแก้ไขปัญหาฝนแล้งและน้ำท่วมให้ราษฎรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

นอกจากกรมฝนหลวงและการบินเกษตรจะปฏิบัติการทำฝนซึ่งเป็น “น้ำพระทัยจากฟากฟ้า หลั่งลงมาสู่ดิน” ทั่วทุกพื้นที่ช่วยให้ประชาชนมีน้ำในการดำรงชีพและการประกอบอาชีพแล้ว เมื่อประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากฝุ่นพิษที่เกิดขึ้นกระจายไปทั้งในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และจังหวัดต่างๆ พวกเราก็ไม่นิ่งนอนใจ

ต่างร่วมแรงแข็งขันนำเครื่องบินขึ้นปฏิบัติการฝนหลวงร่วมกับหน่วยงานต่างๆ จนสถานการณ์ผ่อนคลายลุล่วงไปได้ในระดับที่น่าพอใจ ตลอดระยะ 80 ปีแห่งการครองราชย์ พระองค์ไม่เคยทอดทิ้งประชาชนซึ่งพวกเราชาวกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จักพร้อมใจร่วมกันสืบสานพระราชปณิธานด้วยความจงรักภักดีตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่

สำหรับงานแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำที่ทำให้เกษตรกรมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพนั้น ในช่วงที่ผ่านมาพวกเราได้ริเริ่มการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนแทนการใช้งบประมาณจำนวนมากไปจ่ายชดเชยราคาผลผลิตที่ตกต่ำตามมาตรการพยุงราคา

โดยหันมาใช้วิธีปรับสมดุลของอุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply) สินค้าเกษตรด้วยการเพิ่มปริมาณการใช้ในประเทศ ลดการปลูกพืชชนิดใดชนิดหนึ่งไปสู่การปลูกพืชชนิดอื่นซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดตาม “นโยบายการตลาดนำการผลิต” เช่น การสนับสนุนการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ที่ถูกต้องตามกฎหมายแทนการทำนาปรัง การขอความร่วมมือจากภาคเอกชนให้ลดปริมาณพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่และแม่ไก่ยืนกรงลงจนสามารถทำให้ราคาไข่ไก่มีเสถียรภาพ

การเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราภายในประเทศด้วยการนำน้ำยางพาราไปผสมสารเคมีในการทำถนนแทนถนนลูกรังในชนบทส่งผลให้ราคายางพาราในปัจจุบันมีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น

ขณะเดียวกันพวกเรายังได้ให้ความร่วมมือกับกระผมด้วยความรู้ ความสามารถและน้ำใจไมตรีอันดียิ่ง ในการแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศชาติที่ค้างคามานานหลายทศวรรษจนเริ่มเห็นผลสำเร็จบ้างแล้ว ดุจดัง “แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์” นั่นคือ การแก้ไขปัญหาอาหารเสริม (นม) โรงเรียนที่ไม่มีคุณภาพได้สำเร็จ

ต่อไปนี้นักเรียนซึ่งเป็นอนาคตของชาติจะได้ดื่มนมที่มีคุณภาพครบทุกโรงเรียนตั้งแต่ภาคเรียนที่ 1/2562 เป็นต้นไป เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมสามารถขายน้ำนมดิบได้ในราคาที่เหมาะสม และผู้ประกอบการได้รับการจัดสรรสิทธิ์ในการจำหน่ายนมตามโครงการอย่างเป็นธรรม

นอกจากนี้ ด้วยพละกำลังและความวิริยะอุตสาหะของพวกเราที่ได้ทุ่มเทในการทำงานทำให้พวกเราสามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรซึ่งเป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรซึ่งยืดเยื้อมาตั้งแต่ปี 2544 จำนวนนับหมื่นรายที่แบกภาระยอดหนี้เฉพาะเงินต้นประมาณ 6,๐๐๐ ล้านบาท

โดยใช้การเจรจากับเจ้าหนี้ แทนการใช้งบประมาณแผ่นดินไปซื้อหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน ทำให้เกษตรกรได้มีโอกาสปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ อีกทั้งไม่ต้องสูญเสียที่ดินของตนซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการทำเกษตรกรรมให้แก่เจ้าหนี้

ในปัจจุบันยังคงมีงานสำคัญที่พวกเราต้องร่วมมือกันอย่างแข็งขันและเป็นเอกภาพเพื่อให้ภารกิจของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เดินหน้าต่อไปอาทิ การจัดทำแผนการผลิตทางการเกษตร​ (Agriculture Production Plan) ของประเทศที่มีเป้าหมายให้เกษตรกรทำเกษตรกรรมแต่ละประเภทให้เป็นไปตามความต้องการของตลาดเพื่อจะได้ไม่มีปัญหาผลผลิตล้นตลาดที่จะส่งผลให้ราคาตกต่ำอีกด้วย

การส่งเสริมการทำเกษตรกรรมแบบผสมผสานหรือหลากหลายเพื่อลดความเสี่ยงที่จะขาดทุนและทำให้เกษตรกรมีรายได้อย่างยั่งยืน การลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรโดยส่งเสริมการทำเกษตรกรรมแบบแปลงใหญ่ (Mega Farm) การส่งเสริมให้นำเครื่องจักรกลสมัยใหม่มาใช้ในการทำเกษตรกรรม

การส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ (Organic) และเกษตรปลอดภัย (GAP) ซึ่งเป็นผลผลิตที่ตลาดมีความต้องการมากขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคต ประการสำคัญคือ การทำเกษตรกรรมดังกล่าวจะนำไปสู่การยกเลิกการใช้สารเคมีทางการเกษตรในที่สุด การป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคระบาดในพืชและสัตว์ การบริหารจัดการน้ำทั้งระบบเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วง การแก้ไขปัญหาให้แก่ชาวประมงที่อาจได้รับผลกระทบจากกฎหมายประมง เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ภารกิจต่างๆ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นั้นนับว่า เป็นสิ่งที่ท้าทายเพราะปัญหาและอุปสรรคหลายประการอยู่นอกเหนือการควบคุมเช่น ภาวะภัยพิบัติทางธรรมชาติที่มีความไม่แน่นอน แต่สามารถสร้างผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ปัญหาภาวะการตลาดทั้งที่เกิดจากการผลิตที่ล้นตลาดหรือผลิตไม่ได้คุณภาพ ตลอดจนปัญหาสงครามการค้าในปัจจุบันซึ่งส่งผลต่อกลไกราคาสินค้าเกษตร เป็นต้น สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะสามารถแก้ไขได้ด้วยความตั้งใจและทุ่มเทในการทำงานของพวกเราซึ่งกระผมเชื่อมั่นว่า พวกเราชาวกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สามารถทำได้และจะทำสำเร็จด้วย หากพวกเราตั้งใจทำงานสนองคุณแผ่นดินเกิดนี้ด้วยเจตนาที่ดี มีความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์สุจริต ตลอดจนเสียสละเพื่อประเทศชาติและประชาชนแล้ว พวกเราจะได้รับผลตอบแทนด้วยสิ่งที่ดีงามจากการทำความดีตลอดไป

ท้ายนี้ หากแม้นจะมีคำอื่นใดที่มีคุณค่าเหนือกว่าคำ “ขอบคุณ” กระผมจะยินดีอย่างยิ่งที่จะมอบคำนั้นให้แก่พวกเรา  ด้วยความรู้ ความสามารถ ความรับผิดชอบ ความทุ่มเท เสียสละในการปฏิบัติงานของพวกเราในช่วงเวลาที่กระผมได้มาบริหารงานที่นี่ และที่สำคัญคือ น้ำใจไมตรีในทุกๆ เรื่องที่มีให้กระผมมาตลอด หากช่วงที่กระผมได้ทำงานกับพวกเรา แล้วมีสิ่งใดหรือการกระทำใดของกระผมที่อาจทำให้พวกเราไม่สบายใจแล้ว กระผมขออภัยมา ณ โอกาส นี้ด้วยครับ

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวกระทรวงเกษตรฯรายงานว่า วันเดียวกัน นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในโอกาสพ้นตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ พร้อมกล่าวขอบคุณข้าราชการทุกคนที่ร่วมทำงานกันมาเป็นอย่างดี