ปาล์มร่วงหนัก โรงสกัดอ้างสต๊อกเต็มจับตาลอบนำเข้า

จี้รัฐบาลคุมลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบทุบราคาในประเทศดิ่ง เกษตรกร 26 จังหวัดรวมตัวเตรียมตั้ง “สมาคมปาล์มน้ำมันพัฒนาความยั่งยืน” ครั้งแรกผลักดันมาตรการดูแลผลปาล์ม ด้านกรมการค้าต่างประเทศชี้ตัวเลขนำเข้าถูก กม.มีแค่ 2 พันตัน โยนกรมศุลฯคุมผ่านแดนสกัดลักลอบ

นายพันศักดิ์ จิตรรัตน์ ประธานคณะกรรมการด้านปาล์มน้ำมันและพืชพลังงาน สภาเกษตรกรแห่งชาติ และในฐานะกรรมการในคณะกรรมการนโยบายปาล์มนํ้ามันแห่งชาติ (กนป.) กล่าวว่า กลุ่มเกษตรกรทั้ง 26 จังหวัดเตรียมจัดตั้ง “สมาคมปาล์มน้ำมันพัฒนาความยั่งยืน” ขึ้นมา

เพื่อเป็นองค์กรในการประสานงานแก้ไขปัญหาร่วมกับภาครัฐ ภายหลังจากกลุ่มเกษตรกรหลายพื้นที่ได้หารือถึงสถานการณ์ราคาผลปาล์มน้ำมัน (เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 20%) ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องเหลือ กก.ละ 2.80-3.10 บาท จากเมื่อ 4 วันก่อนเคยมีราคา กก.ละ 3.80-4.20 บาท โดยเกษตรกรรายงานว่า ผู้ประกอบการโรงสกัดหลายพื้นที่แจ้งว่าไม่มีพื้นที่เก็บสต๊อกทำให้ไม่สามารถรับซื้อผลผลิตเพิ่มได้ แต่เกษตรกรก็ไม่สามารถหยุดการตัดปาล์มได้เพราะจำเป็นจะต้องหารายได้

“เรื่องสต๊อกเต็มเกษตรกรเห็นว่าไม่น่าเป็นไปได้ ผลผลิตน้อย และภาครัฐรายงานว่าสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบลดลงจากที่ผ่านมามาก จะสต๊อกเต็มได้อย่างไร จึงตั้งข้อสังเกตว่าอาจมาจากการลักลอบนำเข้าหรือการถ่ายลำผ่านแดนโดยที่น้ำมันปาล์มดิบไม่ได้ออกไปยังประเทศที่ 3 แต่กลับไหลเข้ามาที่ไทย หรือการสำแดงเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีหรือไม่ เกษตรกรจึงต้องการให้หน่วยงานรัฐเร่งตรวจสอบเรื่องนี้ว่าเป็นจริงหรือไม่

สอดคล้องกับนายชโยดม สุวรรณรัตนะ ประธานชมรมคนปลูกปาล์มน้ำมัน จ.กระบี่ กล่าวว่า ราคาปาล์มน้ำมันในกระบี่ลดลงเหลือ กก.ละ 2.80 บาทจากเดิมราคากว่า 3 บาท ทั้งที่ราคาควรปรับขึ้นเพราะผลผลิตออกสู่ตลาดเพียง 20%เท่านั้น ขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ลดลงเหลือ กก.ละ 16-17 บาท จากเดิมกก.ละ 20 บาท

ดังนั้นจึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดโดยมีการตั้งข้อสังเกตจากปัญหาที่เกิดขึ้นอาจมาจากการลักลอบนำเข้าจากราคาน้ำมันปาล์มในประเทศสูงขึ้นก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ขณะนี้ผู้ประกอบการในพื้นที่ปฏิเสธไม่รับซื้อน้ำมันปาล์มเพราะอ้างว่าสต๊อกเต็ม และต้องการดูแลเรื่องโครงสร้างราคาด้วย

ด้านนายมนัส พุทธรัตน์ ประธานสมาพันธ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ราคาปาล์มน้ำมันในพื้นที่ภาคกลางปรับลดลงเช่นกัน จากเดิม กก.ละ 3.50 บาท ปัจจุบันเหลือ กก.ละ 3.10 บาท ไม่สอดคล้องกับผลผลิตที่น้อยอยู่แล้ว เกษตรกรมองว่าผู้ประกอบการกดดันราคาเพื่อที่จะให้โรงไฟฟ้าเข้ามารับซื้อหรือไม่ เนื่องจากซื้อปาล์มในราคาที่ถูกและนำไปจำหน่ายในราคาที่สูงขึ้น โดยกรณีนี้ทางกลุ่มเกษตรกรได้ทำหนังสือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เข้ามาติดตามดูแลเรื่องนี้

อย่างใกล้ชิด เนื่องจากเกษตรกรได้รับผลกระทบ ส่วนการจัดตั้งสมาคมขึ้นมาใหม่นั้น เกษตรกรเห็นด้วยเนื่องจากเป็นการรวมกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกทั้ง 26 จังหวัดเข้าด้วยกัน ซึ่งจะจัดตั้งเป็นนิติบุคคลเพื่อที่จะมีพลังในการประสานงานกับภาครัฐและมีพลังในการแก้ไขปัญหา เนื่องจากที่ผ่านมาเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มจะมีสมาคมของแต่ละพื้นที่โดยไม่ได้รวมตัวกัน ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหาเรื่องของปาล์มน้ำมัน

นายวันชัย วราวิทย์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า กรมการค้าต่างประเทศจะติดตามเรื่องของการขออนุญาตนำเข้าน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศตามโควตาองค์การการค้าโลก (WTO) เป็นหลัก ส่วนกรณีการถ่ายลำผ่านแดน สำแดงเท็จ หรือการลักลอบอาจต้องไปติดตามข้อมูลจากศุลกากรซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่ติดตามเรื่องนี้

สำหรับการนำเข้าตามโควตา WTO กำหนดให้องค์การคลังสินค้านำเข้าปริมาณปีละ 4,860 ตัน จากปี 2561-2563 จากนั้นจะพิจารณาทบทวนโควตาทุก 3 ปี ส่วนการนำเข้านอกโควตานั้น ผู้นำเข้าต้องเป็นผู้ประกอบการโรงสกัดและผู้ประกอบการปาล์มน้ำมันก็ได้ จะต้องเสียภาษีนำเข้า 143%


อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสถานการณ์นำเข้ามีปริมาณน้อย โดยในปี 2561 นำเข้าน้ำมันปาล์ม 2,285 ตัน ลดลงจากปี 2560 ที่นำเข้า 15,527 ตัน มีมูลค่า 50 ล้านบาท ลดลงจากปี 2560 ที่มีมูลค่า 419 ล้านบาท และล่าสุดเดือนพฤษภาคม 2562 นำเข้า 1.20 ตัน มูลค่า 1 แสนบาท