อากาศแปรปรวน ดันราคาผัก-อาหารขยับเหตุเงินเฟ้อ ก.ค.62โต 0.98% ‘พาณิชย์’ คงเป้าเงินเฟ้อ 0.7-1.3% วอนเร่งอัดฉีดมาตรการเศรษฐกิจ – ลงนามสัญญาลงทุนก่อสร้างเมกะโปรเจ็ค กระตุ้นกำลังซื้อ
นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนกรกฎาคม 2562 เท่ากับ 103 เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน สูงขึ้น 0.98% และเมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2562 สูงขึ้น 0.06% ส่งผลให้เงินเฟ้อเฉลี่ย 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.) ของปี 2562 สูงขึ้น 0.92 % เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งยังคงเป็นไปตามประมาณการณ์ของกระทรวงพาณิชย์ที่วางไว้ว่าในปีนี้เงินเฟ้อจะขยายตัวในกรอบ 0.7-1.3%
- BITE SIZE : ขึ้นค่าแรง 10 จังหวัด-ปรับเงินเดือนข้าราชการ เพิ่มขึ้นเท่าไร
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ใช้จ่ายผ่านโมบายแบงกิ้ง ดึงแอป “ทางรัฐ” เชื่อมหลังบ้าน
ทั้งนี้ เหตุที่เงินเฟ้อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน สูงขึ้น 0.98% ตามการสูงขึ้นของหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 3.47%โดยเฉพาะผักสด สูงขึ้น 20.01%(มะนาว พริกสด มะเขือ) จากสภาพอากาศที่แปรปรวนมากกว่าปีที่ผ่านมา ท้าให้พืชผักเน่าเสียง่าย ประกอบกับ ราคาฐานปีที่ผ่านมาต่้า ผลไม้สด สูงขึ้น 9.18% (ฝรั่ง มะม่วง ทุเรียน) เนื้อสัตว์ เป็ดไก่และสัตว์น้้า สูงขึ้น 5.73 %(เนื้อสุกร ไก่สด ปลานิล) ข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง สูงขึ้น 4.02 % โดยเฉพาะข้าวสารเจ้าและข้าวสารเหนียว เนื่องจากปริมาณข้าวในสต๊อกมีน้อย
ขณะที่ความต้องการมีอย่างต่อเนื่อง ไข่และผลิตภัณฑ์นม สูงขึ้น 1.80% (ไข่ไก่ นมสด นมถั่วเหลือง) โดยเฉพาะไข่ไก่ปรับตามต้นทุน (ค่าขนส่งและอาหารสัตว์) เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้น 0.90% (น้้าอัดลม กาแฟ (ร้อน/เย็น) เครื่องดื่มรสชอกโกแลต) อาหารบริโภค-ในบ้าน และนอกบ้าน สูงขึ้น 0.80%และ 1.12 % ตามล้าดับ (กับข้าวส้าเร็จรูป อาหารเช้า ข้าวราดแกง) ขณะที่เครื่องประกอบอาหาร ลดลง 0.93% (น้้ามันพืช มะพร้าว (ผลแห้ง/ขูด) ซอสหอยนางรม)
หมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 0.42 %ตามการลดลงน้้ามัน เชื้อเพลิงทุกประเภท (ยกเว้นก๊าซธรรมชาติ (NGV)) ส่งผลให้หมวดพาหนะการขนส่งและการสื่อสาร ลดลง 1.32% หมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล ลดลง 0.87 % โดยเฉพาะของใช้ส่วนบุคคล (แชมพู แป้งทาผิวกาย ยาสีฟัน) จากการแข่งขันทางการค้าเป็นส้าคัญ หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า ลดลง 0.04 %(รองเท้า เสื้อผ้า บุรุษและสตรี)
ขณะที่ค่าโดยสารสาธารณะ สูงขึ้น 5.91 %หมวดเคหสถาน สูงขึ้น 0.27% (ค่ากระแสไฟฟ้า ค่าเช่าบ้าน) หมวดการบันเทิง การอ่าน การศึกษาฯ สูงขึ้น 0.73% (ค่าเดินทางไปเยี่ยมญาติและท้าบุญ ค่าเล่าเรียน-ค่าธรรมเนียม การศึกษา) หมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นเล็กน้อย 0.04%
“สินค้ากลุ่มอาหารสดยังคงเป็นปัจจัยสาคัญที่ทำให้ให้เงินเฟ้อสูงขึ้นโดยสูงขึ้น 7.12% ซึ่งสูงขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีโดยเฉพาะผักและผลไม้เนื้อสุกรข้าวสารเหนียว และข้าวสารเจ้า ขณะที่สินค้ากลุ่มพลังงานยังคงหดตัว โดยลดลง 3.31% ซึ่งลดลงน้อยกว่าเดือนที่ผ่านมา ที่ลดลง 3.86% ตามราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ”
ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน (ไม่รวมสินค้ากลุ่มอาหารสดและพลังงาน) เดือน กรกฎาคม 2562 เท่ากับ 102.52 ปรับลดลงจากเดือนก่อนหน้า 0.03% และขยายตัว 0.41% หากเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้การสูงขึ้นของเงินเฟ้อในเดือนนี้ สอดคล้องกับยอดการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บจากการขายสินค้าและการ นาเข้าสินค้าอุปโภค รวมถึงรายได้เกษตรกร ที่สูงขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการบริโภค ภายในประเทศ
นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวว่า สถานการณ์ไม่ได้แย่มาก แต่ยังทรงๆ หากถามว่าจะดีขึ้นหรือไม่ บอกได้ว่ายังไม่มีสัญญาณการขยายตัวที่รวดเร็วและรุนแรง รัฐบาลควรเร่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการลงในสัญญาการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เพราะขณะนี้สินค้ากลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากการส่งออกชะลอตัวเริ่มจะเห็นผลกระทบชัดเจนในช่วง 1-2 เดือนนี้ สอดรับกับดัชนีอุตสาหกรรม (PMI) ที่แถลงไปก่อนหน้านี้ว่าลดลงต่ำสุดในรอบ 29 เดือน
ขณะที่สินค้าเกษตรแนวโน้มราคายังสูงเพราะอากาศแปรปรวนประกอบกับฐานราคาในปีที่ผ่านมาต่ำจึงทำให้ดัชนีราคาในปีนี้ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนผลกระทบจากภัยแล้งจะเป็นผลกระทบระยะสั้นซึ่งจะส่งผลให้เกษตรกรได้ราคาขายข้าวเปลือกสูงขึ้น แต่
ทั้งนี้ การเร่งรัดการออกมาตรการช่วยภาคเกษตรและในภาคอุตสาหกรรมถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งรัฐบาลกำลังจะดำเนินนโยบายประกันรายได้ อย่างไรก็ตาม อยากให้มีการทบทวนนโยบายให้เหมาะสมกับเศรษฐกิจ ทั้งในส่วนของกระทรวงคมนาคมที่จะทบทวนค่าขนส่ง กระทรวงพลังงานจะทบทวนนโยบายพลังงานและการขึ้นค่าแรงซึ่งจะมีผลกระทบต่อเงินเฟ้อในลำดับต่อไป
“ขณะนี้ไม่ได้คิดว่าสถานการณ์รุนแรงแต่ก็ต้องเร่งมาตรการเพราะจะเห็นว่าช่วงนี้ผู้ผลิตที่มีสต๊อกสินค้าอุปโภคบริโภคเริ่มมีการนำสินค้าออกมาลดแลกแจกแถมเพื่อระบายสินค้าออกจากสต๊อกซึ่งการลดราคามากเกินไปไม่ได้เป็นสัญญาณที่ดี”
