ส.อ.ท.หนุนทบทวนPDP2018 เพิ่มพลังงานทดแทน-ลดค่าไฟ

นางปรียานาถ สุนทรวาทะ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมผู้ผลิตไฟฟ้า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า นโยบายของรัฐบาลเตรียมจะทบทวนแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าฉบับใหม่ (PDP 2018) จะเน้นส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงระบบพลังงานมากขึ้น และอาจจะปรับเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน/พลังงานทดแทนนั้นถือเป็นประเด็นที่สอดรับกับทิศทางของอุตสาหกรรมไฟฟ้าทั่วโลก

ซึ่งต่างก็มุ่งพัฒนาไปในทิศทางนั้นมากขึ้น การผลิตไฟฟ้าโดยใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลจะลดลง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญในการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน ประกอบกับเทคโนโลยีในการผลิตไฟฟ้ามีการพัฒนามากขึ้น จนทำให้ต้นทุนถูกลง ความนิยมผลิตเองก็เพิ่ม ซึ่งประเด็นนี้จะมีส่วนทำให้ราคาค่าไฟฟ้ามีโอกาสที่จะปรับลดลงต่ำกว่าหน่วย 3.60 บาทได้

“หากจะมีการทบทวนซึ่งต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ ทางเอกชนก็พร้อมจะสนับสนุน ไม่น่าจะมีปัญหา ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าลดลงเพราะเทคโนโลยีดีขึ้น ตอนนี้ไฟฟ้าจากรีนิวเอเบิลก็มีที่สามารถทำให้ไม่ถึงหน่วยละ 3 บาทได้ ที่นโยบายว่าต้อง 3.60 บาท ก็มีโอกาส และที่สำคัญ รัฐบาลมี EGAT เป็นกลไกในการบริหารจัดการอยู่แล้ว”

นางปรียานาถกล่าวในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ว่า ในส่วนของทิศทางธุรกิจ บี.กริมก็เป็นบริษัทหนึ่งที่มีการปรับไดรเวอร์ซิไฟล์ไปสู่การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนแล้ว ที่สำคัญ บี.กริม เป็นโรงไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งมีการพัฒนาระบบไมโครกริดอยู่แล้ว การที่ทิศทางนโยบายไปในทางนี้จะสอดรับกับกลยุทธ์ของเรา

ก่อนหน้านี้ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่าการทบทวน PDP 2018 จะเน้นส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงระบบพลังงานมากขึ้นและต้องมองเทรนด์เรื่องเทคโนโลยีดิสรัปชั่นในอุตสาหกรรมไฟฟ้า การผลิตไฟฟ้าใช้เองด้วยระบบโซลาร์เซลล์จะมีมากขึ้น จำเป็นต้องพัฒนาระบบ
สมาร์ทกริด ไมโครกริด ตลาดกลางการซื้อขายไฟฟ้า และมุ่งวางอนาคตให้ไทยเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงการซื้อขายไฟฟ้าในอาเซียน

พร้อมทั้งมุ่งส่งเสริมประชาชน โดยกำหนดพื้นที่สำหรับสร้างโรงไฟฟ้าชุมชนขึ้น ตามศักยภาพสายส่งไฟฟ้าที่มีความพร้อม รูปแบบการลงทุนจะให้เอกชนเข้ามาร่วมกับชุมชนลงทุนสร้างโรงไฟฟ้า และชุมชนสามารถซื้อหุ้นคืนบางส่วนได้ในภายหลัง ซึ่งโรงไฟฟ้าที่จะสร้างขึ้นจะเน้นที่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์, ชีวมวล, ชีวภาพและขยะ ซึ่งจะสั่งการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกำหนดพื้นที่สร้างโรงไฟฟ้าชุมชน และนำกลับมาเสนอเพื่อพิจารณาต่อไป โดยการส่งเสริมโรงไฟฟ้าชุมชนจะสามารถจัดสรรเงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานมาสนับสนุนได้ ซึ่งต้องมีการปรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการขอรับส่งเสริม เพื่อดำเนินการในปีงบประมาณ 2563 ด้วยกรอบวงเงิน 12,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ หากปรับแผน PDP 2018 ตามนโยบายจะส่งผลให้ราคาค่าไฟฟ้าถูกลงกว่า 3.576 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นราคาที่กำหนดไว้ตลอดแผนพีดีพี 20 ปี (2561-2580)

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงานกล่าวว่า หลังจากทราบทิศทางนโยบายในการทบทวนแผน PDP ว่าจะมีประเด็นใดบ้างแล้ว ทางสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) จะหารือกับกระทรวงถึงกระบวนการดำเนินการ โดยหากเป็นการทบทวนในแบบภาพใหญ่ (revision) ก็จำเป็นต้องเริ่มดำเนินการใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่เริ่มต้นยกร่าง

รวมถึงกระบวนการจัดทำประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นผู้เกี่ยวข้องอีกครั้ง คาดว่าจะใช้ระยะเวลาพอสมควร ส่วนการดำเนินการภารกิจที่ยังค้างอยู่ คือ การยกร่างแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการฟังความเห็น ก็อาจจะปรับ
เพิ่มเข้าไปได้ทัน ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการยกร่าง AEDP เพราะโดยปกติ AEDP จะเสร็จหลัง PDP อยู่แล้ว


“ส่วนการดำเนินงานด้านการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าตามแผน PDP 2018 ซึ่งมีผลบังคับใช้ไปแล้วจะต้องเบรกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าเราทบทวนอะไร หากเป็นการปรับเล็ก minor change สิ่งที่มีการลงนาม
สัญญาก่อสร้างโรงไฟฟ้าตะวันตก 2 โรง นั้น ถือว่าเป็นการทำตาม PDP 2018 เดิมสามารถทำต่อได้ แต่หากเป็นการเปลี่ยนใหญ่ revision ไปเลย ก็คงต้องมาสรุปกันอีกทีว่าจะเบรกไว้ก่อนหรือต้องมีเงื่อนไขอย่างไร”