“จุรินทร์” ร่วมสภาหอการค้าฯตั้งวอร์รูมร่วมแก้ปัญหาเทรดวอร์

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการ ประชุมร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยพร้อมเครือข่ายหอการค้าไทย และมหาวิทยาลัยหอการค้า UTCC ว่า การหารือครั้งนี้เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ปัญหา อุปสรรคร่วมกันกับผู้บริหารสภาหอการค้าฯ โดยที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่าจะตั้งวอร์รูมร่วมระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับภาคเอกชนซึ่งจะมีผู้แทนของสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยด้วยเพื่อติดตามสถานการณ์การค้าร่วมกันในการผลักดันการค้าของไทยสู่ตลาดโลก รวมถึงเร่งรัดการส่งออก

โดยจะมีคณะทำงานเจาะลึกการส่งออกทั้งรายสินค้า-บริการและรายตลาด ทั้งนี้เพื่อให้กระทรวงพาณิชย์เข้าไปสนับสนุนเป็นทัพหนุนและให้เอกชนเป็นทัพหน้าตามแนวที่ให้ไว้ รวมถึงการเร่งรัดการเจรจาการค้าระหว่างประเทศตลาดสำหรับประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นหนึ่งประเทศอาร์เซ็ป (อาเซียน+6)ที่จะเร่งรัดให้จบภายในปีนี้ และเริ่มต้นพื้นการเจรจาเอฟทีเอระหว่างไทยกับสหภาพยุโรปรวมถึงการการให่ความสำคัญกับการค้าชายแดนมีความสำคัญอย่างยิ่งเป็นตลาดใหญ่อัตราการขยายตัวที่อย่างดี ซึ่งที่หอการค้าต้องการอยากเห็นคือเร่งรัดการเปิดด่านเพื่อการค้าขายชายแดนให้เป็นรูปธรรม

“จะมีการตั้งคณะทำงานร่วมกันขึ้นมาเพื่อหาทางออก เรื่องกฎหมายระเบียบต่างๆที่เป็นอุปสรรคทางด้านการค้าหรือไม่มีความทันสมัยโดยดำเนินการแก้ไขใช้ช่องทางรัฐสภาฯต่อไป นอกจากนี้ทางสภาหอการค้าฯยังได้เสนอตัวเข้ามามีส่วนร่วมในช่องทางการจัดจำหน่ายผลไม้ ที่กระทรวงพาณิชย์เพิ่งผ่านการทำข้อตกลง (MOU)กับภาคส่วนต่างๆไปก็จะเข้ามาเสริมเป็นกำลังสำคัญโดยใช้หอการค้าจังหวัดต่างๆภายใต้สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเพื่อการช่วยเหลือเกษตรกร”

นอกจากนั้นรายงานยังแจ้งด้วยว่า ตัวแทนสภาหอการค้าไทยต้องการให้ผลักดันการขยายช่องทางโลจิสติกส์หรือการลำเลียงสินค้าและการพัฒนาเส้นทางคมนาคมทางฝั่งไทย เนื่องจากว่าได้มีการพัฒนาทางฝั่งชายแดนเพื่อนบ้าน เช่นพม่าค่อนข้างพร้อมก่อนแล้ว และยังได้หารือในเรื่องอุปสรรคทางค่าเงินและด้านแรงงานด้วย

ด้านนายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สภาหอการค้าเห็นด้วยที่จะมีการตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างกระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชนเพื่อให้มีการหารือเฉพาะในเรื่องสถานการณ์การส่งออกเป็นรายเซ็กเตอร์ รวมถึงหาแนวทางการกระตุ้นการส่งออกของไทย และจัดทำWatch List รายสินค้า เพื่อป้องกันการทะลักเข้ามาของสินค้าจีน รวมถึงการทำEase of Doing Business เพื่อรับรองการลงทุนของการลงทุนต่างชาติรวมไปถึงการดูแลรักษษเสถียรภาพค่าเงินบาทและค่าจ้างแรงงาน ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อการส่งออกไทย และเร่งรัดตรวจสอบและปราบปรามการลักลอบการนำเข้าและสวมสิทธิแหล่งกำเนิดสินค้าของไทย เป็นต้น