“บ้านปูฯ” ประคองยอดขายครึ่งปีแรก 45,000 ลบ. ฝ่าบาทแข็ง-ราคาถ่านหินดิ่ง

บาทแข็ง-ราคาถ่านหินดิ่งกระทบรายได้ Q2/62 ‘บ้านปูฯ’ ยังไหว ประคองยอดครึ่งปีแรก 3 กลุ่มธุรกิจทะลุ 45,000 ล้านบาท กอดกระแสเงินสดเฉียด 6 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 31% เตรียมจ่ายปันผลผู้ถือหุ้น

นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า รายงานผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2562 มีรายได้จากการขาย 1,430 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ ประมาณ 45,188 ล้านบาท
มีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) 399 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 12,608 ล้านบาทและกำไรสุทธิ 32 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 1,011 ล้านบาท

ส่วนผลการดำเนินงาน ในไตรมาสที่ 2 ประจำปี 2562 มีรายได้จากการขายรวม 731 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 23,092 ล้านบาท มีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) 168ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 5,306 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 3 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 95 ล้านบาท
ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากราคาขายถ่านหินในตลาดโลกที่อ่อนตัวลง ประกอบกับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินสกุลบาทต่อสกุลเงินเหรียญสหรัฐ

“ในครึ่งปีแรก บ้านปูฯ มีความคืบหน้าในการลงทุนในธุรกิจผลิตพลังงาน และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานตามแผนกลยุทธ์ Greener & Smarter เพื่อสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ ที่แข็งแกร่ง ที่เอื้อประโยชน์และส่งเสริมซึ่งกันและกันระหว่าง 3 กลุ่มธุรกิจหลัก แหล่งพลังงาน กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน และการวิจัยและพัฒนาด้านเทคโนโลยีพลังงาน มุ่งสร้างแพลตฟอร์มเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานภายใน และโซลูชันด้านพลังงานในรูปแบบใหม่ที่สอดรับกับเทรนด์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน”

โดยเมื่อเร็วๆ นี้ กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน สามารถเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date: COD) ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาดกำลังการผลิต 168เมกะวัตต์ ที่จังหวัดนิญถ่วน (Ninh Thuan) สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยโรงไฟฟ้าดังกล่าวอยู่ภายใต้การดำเนินงานของซันซีป กรุ๊ป (Sunseap Group Pte. Ltd.) ผู้ให้บริการพลังงานแสงอาทิตย์รายใหญ่ของสิงคโปร์ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมค้าของบ้านปูฯ ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการลงทุนจากโรงไฟฟ้าดังกล่าวรวม 65 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบ้านปูฯ ยังได้ลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จีซิน (Jixin) ขนาดกำลังผลิต 25 เมกะวัตต์ ที่ตั้งอยู่ในมณฑลเจียงซู (Jiangsu) สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว โดยจะรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 3/2562 ทั้งนี้ บ้านปูฯ ยังมองหาโอกาสการลงทุนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนตามแนวทางการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทบ้านปูฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าในกลุ่มธุรกิจผลิตพลังงานตามสัดส่วนการลงทุน รวม 3.0 กิกะวัตต์

สำหรับกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดบริษัท บ้านปู อินฟิเนอร์จี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบ้านปูฯ ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ให้บริการด้านการวางระบบ Solar Rooftop บริเวณอาคารชาเลนเจอร์ และอาคารจอดรถ 2-3 ของศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยมีกำลังการผลิตรวม 1 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ปัจจุบันบ้านปูฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์บนหลังคาในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ตามสัดส่วนการลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น 89 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ บริษัท Durapower Technology (Singapore) Pte. Ltd. ในสิงคโปร์ที่เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ ผลิต และติดตั้งระบบแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน (LiB) ในอุตสาหกรรมยานยนต์และระบบกักเก็บพลังงาน ซึ่งเป็นบริษัทร่วมของบ้านปูฯ ยังได้ขยายกำลังการผลิตของโรงงานที่ตั้งอยู่ในเมืองซูโจว (Suzhou)สาธารณรัฐประชาชนจีน เพิ่มเติมจาก 80 เมกะวัตต์ชั่วโมง เป็น 380 เมกะวัตต์ชั่วโมง ตอกย้ำความมุ่งมั่นของบ้านปูฯ ในการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง

สำหรับกลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน บ้านปูฯ เน้นเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และการบริหารต้นทุนในธุรกิจถ่านหินอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับราคาถ่านหินในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง แต่ ด้วยความเชื่อมั่นในทิศทางการเติบโตของธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ทางบริษัทฯ ได้ตั้งงบประมาณการลงทุนจำนวน 500 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 15,794 ล้านบาท) สำหรับการลงทุนเพื่อเพิ่มปริมาณสำรองการผลิตในปี ‪2562-2563‬ โดยเน้นลงทุนในแหล่งก๊าซธรรมชาติที่อยู่ใกล้เคียงกับแหล่งการผลิตเดิม สร้างกระแสเงินสดอยู่แล้ว มีกำไรที่รับรู้ได้ทันที ซึ่งคาดว่ากระแสเงินสดที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจก๊าซธรรมชาติ จะช่วยให้บริษัทฯ สามารถขยายธุรกิจตามแผน

อย่างไรก็ตาม จากการที่บริษัทฯ ได้ดำเนินมาตรการบริหารกระแสเงินสดอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ในครึ่งแรกของปี 2562 บริษัทฯ มีกระแสเงินสดรวม 794 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 25,090 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากงวดสิ้นปี 2561 จำนวน187 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 5,909 ล้านบาท) หรือ 31% ทำให้บริษัทฯ มีความพร้อมทางการเงินสำหรับการจ่ายเงินกู้ การจ่ายเงินปันผล และการลงทุนตามแผนที่วางไว้ เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนที่สอดคล้องกับเทรนด์พลังงานและสิ่งแวดล้อมโลก และสร้างผลตอบแทนระยะยาวแก่นักลงทุน