ศก.โลกซบ! หวั่นเหล็กจีนท่วมตลาด ‘ทาทาสตีล’หวนขยายตลาดอินเดีย

ราจีฟ มังกัล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย)
หวั่นเหล็กจีนท่วมโลก หลังศก.โลกซบ ผลิตล้นตลาด 30 ล้านตัน ‘ทาทาสตีล’ วางกลยุทธ์หวนคืนขยายตลาดอินเดีย

นายราจีฟ มังกัล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มความต้องการบริโภคเหล็กทั่วโลกมีแนวโน้มลดลงจากสภาพเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ขณะที่ผู้ผลิตรายใหญ่อย่างอินเดีย ยุโรป และจีน โดยเฉพาะจีนเองความต้องการใช้เหล็กภายในประเทศก็ลดลงเช่นกันทั้งในภาคก่อสร้าง ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ ทำให้สินค้าเหล็กที่จีนผลิตออกมานั้นคาดว่าจะล้นตลาดและมีแนวโน้มจะส่งออกไปต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งคาดการณ์ว่าปริมาณเหล็กที่จีนผลิตออกมานั้นทั้งปี 70 ล้านตัน ซึ่งเป็นปริมาณใกล้เคียงจากปีที่ผ่านมา แต่ทั้งนี้ มีโอกาสที่จีนจะผลิตได้มากถึงประมาณ 100 ล้านตัน ซึ่งจะทำให้ปริมาณเหล็กล้นถึง 30 ล้านตัน ที่จะไหลออกสู่ต่างประเทศ ซึ่งอาจจะกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมเหล็กรวมถึงประเทศไทยด้วย

โดยปริมาณที่ไหลออกมานั้น คาดการณ์จะมีราคาถูก ทั้งนี้เป็นผลมาจากราคาวัตถุดิบบางตัวอย่าง แร่เหล็ก และถ่านหิน แนวโน้มอ่อนค่าลงซึ่งมีผลทำให้ราคาลดลง แต่อย่างไรก็ดี ราคาเหล็กสำเร็จรูปยังมีแนวโน้มขยับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะไปผลักภาระให้กับผู้บริโภคเหล็กได้ ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม แต่อย่างไรก็ดี ในส่วนของทาทา สตีล (ประเทศไทย) เพื่อขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีแผนที่จะขยายตลาดผ่านช่องทางค้าปลีกเพิ่มขึ้น เพื่อกระจายความต้องการให้ถึงมือผู้บริโภค ทั้งเหล็กลวด เหล็กเส้นหรือเหล็กที่มีมูลค่าสูง ซึ่งจะเพิ่มสัดส่วนถึง 30% ที่จะขยายไปในช่องทางนี้ นอกจากนี้ จะขยายไปในช่องทางของอสังหาริมทรัพย์ด้วย โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ ที่ยังมีการเติบโตอยู่

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1 ของบริษัทมีรายได้จากยอดขายสุทธิ 5,420 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับไตรมาส 1 ของปีก่อนหน้า ขณะที่ กำไรก่อนหักภาษีอยู่ที่ 44 ล้านบาท ขาดทุนไป 93 ล้านบาทเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ทั้งนี้ เป็นผลมาจากราคาเศษเหล็กและต้นทุนที่เปลี่ยนแปลงไป รวมไปถึงการขาดทุนจากการการแข็งค่าของเงินบาท และการจ่ายค่าชดเชยสินไหมทดแทนจากการระเบิดของเตาหลอมไฟฟ้าเมื่อปีที่แล้วอีกด้วย พร้อมกับค่าชดเชยค่าใช้จ่ายจากกฎหมายแรงงานเมื่อพนังงานเกษียณอายุ

ขณะที่ ปริมาณการยอดขายรวมของบริษัทในไตรมาส 1 ของปีนี้มีปริมาณ 299,000 ตัน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า หากจำแนกเป็นการขายในประเทศสำหรับเหล็กเส้น เหล็กตัด และดัด อยู่ที่ 166,000 ตัน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า เหล็กลวดยอดขายอยู่ที่ 83,000 ตัน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่วนการส่งออก 39,000 ตัน ลดลงเมื่อเทียบไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการเหล็กลดลงจากหลายประเทศ แต่อย่างไรก็ดี สำหรับแนวโน้มความต้องการเหล็กในอินเดีย คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ดังนั้น ทางนโยบายของบริษัทแม่ ทาทา สตีล ที่อินเดียมีแผนจะขยายการลงทุนและหาพันธมินตรใหม่เพิ่มเติม

ทั้งนี้ เพื่อเป้าหมายในการรักษาส่วนแบ่งตลาดในอินเดียไว้ จึงมีแนวทางในการหาพันธมิตรใหม่ๆ จากยุโรปรวมไปถึงประเทศที่ ทาทา สตีล เข้าไปลงทุน ซึ่งล่าสุดได้เข้าไปซื้อกิจการที่กำลังล้มละลายในยุโรปโดยมีกำลังผลิตถึง 5 ล้านตันซึ่ง ทาทา สตีล ก็เข้าไปบริหาร ส่วนการซื้อขายหุ้นให้กับ HBIS Group Co.,Ltd. (HBIS) ซึ่งเป็นบริษัทใหม่ที่จัดตั้งขึ้นโดยให้ HBIS จะถือหุ้น 70% และ TSGH หรือ T S Global Holdings Pte. Ltd บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 30% นั้น ล่าสุดไม่สามารถดำเนินการภายใต้เงื่อนไขที่จำเป็นในการรับรองการอนุมัติจากมณฑลเหอเป่ยได้ตามระยะเวลา 6 เดือน และได้ตัดสินใจไม่ขยายเวลา ดังนั้นสัญญาดังกล่าวก็ถูกยกเลิกไป

อย่างไรก็ดี การจัดหาพันธมิตรใหม่ก็ยังเป็นนโยบายที่จะต้องดำเนินการตามนโยบายของบริษัทแม่ แต่ทั้งนี้ ทาทา สตีล (ประเทศไทย) ไม่ได้มีนโยบายที่จะหาพันธมิตรและย้ายฐานออกจากประเทศไทย แต่เป็นการรองรับการขยายตัวและความต้องการเหล็กในอินเดียที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เป้าหมายการค้าในประเทศและการส่งออก ทาทา สตีล (ประเทศไทย) ยังคงผลักดันและขยายการค้าไปในช่องทางต่างๆเพิ่มเติมต่อไป