กฤษดา ชวนะนันท์ ปรับโครงสร้างอุตฯปาล์ม-คุมกำเนิดโรงสกัด

ราคาผลปาล์มตกต่ำเป็นแรงกดดันสำคัญให้รัฐบาลต้องเร่งเคาะมาตรการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มขึ้นเป็นครั้งแรก โดยประกาศราคาเป้าหมาย กก.ละ 4 บาท กำหนดการให้ความช่วยเหลือรายละไม่เกิน 25 ไร่ หรือเฉลี่ยเป็นปริมาณผลผลิต 75 ตัน แต่ยังไม่ทันที่จะนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ไฟเขียวเริ่มโครงการปรากฏว่ากระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบพบสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบล้นทะลุ 4 แสนตัน สูงกว่าสต๊อกที่ควรจะมี 2.5 แสนตัน หลายฝ่ายโยนลูกกลับมาที่โรงสกัดห่วงโซ่ขั้นกลางว่ากอดสต๊อกไว้

“ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์ กฤษดา ชวนะนันท์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิจิตรภัณฑ์ปาล์มออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ VPO ว่า

Q : รัฐประกาศมาตรการประกันรายได้

ค่อนข้างชัดเป็นไปเพื่อเกษตรกรรายย่อย โดยจำกัดการชดเชยให้รายละ 25 ไร่ ซึ่งที่ผ่านมาทางกลุ่มเคยเสนอเป็นวิธีที่ดี เพราะวิธีนี้ไม่บิดเบือนกลไกตลาด ทางเอกชนไม่ต้องกังวลอะไร

แต่มาตรการนี้เป็นมาตรการระยะสั้น ประเด็นหลักที่เราเสนอให้รัฐบาลดูแล คือ ปัญหาโครงสร้างอุตสาหกรรมทุกภาคส่วนควรจะมีการแก้ไข โดยจะต้องอาศัยการบูรณาการระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งจะดูแลการปลูกปาล์มน้ำมัน กระทรวงพาณิชย์ดูแลการตลาด และกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งดูแลโรงงานสกัดจัดตั้งแบบ A (แบบหีบแยก) และแบบ B (แบบหีบรวม) เป้าหมายคือจะทำอย่างไรให้แต่ละขั้นตอนในห่วงโซ่การผลิตสามารถลดต้นทุนให้ต่ำลงได้ ซึ่งประเด็นนี้ถือเป็นมาตรการระยะกลาง-ระยะยาว

Q : โครงสร้างอุตสาหกรรมมีปัญหาอย่างไร

หากเทียบอุตสาหกรรมปาล์มเป็นรูปพีระมิด เกษตรกรควรจะอยู่ฐานล่างสุด มีสัดส่วนมากที่สุด ถัดมาชั้นกลางเป็นโรงงานสกัด และมุมบนสุดจะเป็นโรงกลั่น หรือกลุ่มปลายน้ำ

แต่ปัจจุบันโครงสร้างอุตสาหกรรมเป็นพีระมิดเหมือนกัน แต่กลับหัว ซึ่งจากผลการศึกษาของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรระบุว่า ในปี 2557 ถึงวันนี้ มีขั้นกลางน้ำ คือ โรงสกัดตอนนี้มีกำลังล้นเกินปริมาณผลผลิตเท่าตัว และมีค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้มีใครจะได้ประโยชน์เกิดขึ้นตรงจุดนี้ เป็นผลจากการที่กระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลกฎหมาย ไม่ได้จำกัดการตั้งโรงงานสกัด จึงมีการตั้งโรงงานแบบเสรี ทางกลุ่มศึกษาข้อมูลพบว่า นับจากปี 2557 มีบริษัทโรงสกัดเพิ่มมากขึ้นถึงในปี 2561 เป็นจำนวน 37 บริษัท และมีจำนวนโรงงานมากถึง 50 โรงงาน

นี่เฉพาะส่วนที่เป็นสมาชิกของกลุ่ม แต่ส่วนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของกลุ่มอีกจำนวนมาก นับเป็น 100 บริษัท โดยแบ่งเป็นโรงสกัดแบบ A ประมาณ 100 โรง เป็นสมาชิกของเรา 47 โรง และโรงสกัดแบบ B 40 โรงเปิด ๆ ปิด ๆ จริงอยู่ในอดีตธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่มีกำไร มีจำนวนโรงงานไม่มากนัก แต่ภายหลังจากรัฐบาลมีโรดแมป 4 พืชพลังงาน ทำให้มีจำนวนผู้เล่นมากขึ้น การแข่งขันสูง กำไรลดลง

ล่าสุดทางเราเอาตัวเลขผลการประกอบธุรกิจมาคิดคำนวณดูภาพรวมพบว่า ปี 2561 โรงสกัดขายขาดทุน 0.16% ของยอดขาย คิดเป็นหลักหมื่นล้านบาท ดังนั้นขออย่าเข้าใจว่าโรงสกัดมีกำไร เพราะในอุตสาหกรรมมีทั้งกำไร และขาดทุน เมื่อจำนวนโรงสกัดมีมากขึ้นไม่มีผลปาล์มสำหรับเดินเครื่องได้เพียงพอ ก็นำไปสู่ปัญหาของอุตสาหกรรมว่าคุมคุณภาพไม่ได้ ไม่ว่าเกษตรกรตัดผลปาล์มแบบไหนมาก็ต้องซื้อ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีวัตถุดิบ

Q : แนวทางแก้ปัญหาโครงสร้างอุตสาหกรรม 

ณ วันนี้โรงงานสกัดต้นทุนสูงมาก มีโรงสกัดเกินความจำเป็น ควรพิจารณาเช่นว่า ยับยั้งการออกใบอนุญาตจัดตั้งโรงงานใหม่ ในบางพื้นที่ ประมาณ 2-3 ปี หรือการเปิดโรงงานควรต้องมีการกำหนดรัศมีพื้นที่รอบโรงงานใหม่ต้องห่างกันเพื่อจะได้มีวัตถุดิบเพียงพอสำหรับป้อนโรงงาน 75% ของกำลังการผลิต ซึ่งการจำกัดจำนวนโรงงานคล้ายกับอุตสาหกรรมอ้อยน้ำตาล แนวทางนี้สามารถทำได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องมีกฎหมาย พ.ร.บ.ปาล์มน้ำมัน จริงอยู่ที่ทุกคนมองว่าประเทศไทยเป็นประเทศเสรี การเปิดโรงงานทำให้เกิดการแข่งขันเสรี แต่ก็จำเป็นต้องอยู่ในขอบเขตจึงจะได้รับการพัฒนาทั้งระบบ

Q : หากรัฐแก้ไขโดยเพิ่มดีมานด์ไบโอดีเซลแทนการคุมกำเนิดโรงสกัด

การที่รัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาโดยการเพิ่มความต้องการใช้ปาล์มน้ำมันก็เป็นมาตรการหนึ่งที่ต้องทำคู่ขนานกันไปกับการจำกัดการขยายโรงสกัด แต่หากไม่มีการลดต้นทุนภาคเกษตรกร โรงสกัด โรงกลั่น ควบคู่ไปด้วย ก็ทำให้การแก้ไขปัญหาไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร

Q : แนวโน้มผลผลิตและราคา 

ปีนี้ผลผลิตมีจำนวนมาก แต่เดิมไม่มีปัญหา เพราะส่งออกไปต่างประเทศได้ แต่ปีนี้การส่งออกตลาดโลกไม่ได้ดี สต๊อกที่ค้างอยู่มีทั้งในส่วนของโรงสกัด และโรงกลั่นจะทำอย่างไร และหลังจากนี้ยังจะมีผลผลิตออกมาพีกอีก 2 ช่วงคือตุลาคม 2562 และมีนาคม-เมษายน 2563


ซึ่งจากตัวเลขคาดการณ์ของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรคาดว่า ปริมาณผลผลิตเฉลี่ยต่อเดือนจะมี 1-1.2 ล้านตัน จากนี้ยาวไปจนถึงสิ้นปี หากรอนโยบายไบโอดีเซล B10 จะเริ่มเดือนพฤศจิกายน ตอนนี้ราคาน้ำมันปาล์มดิบของไทยก็ยังคงต่ำกว่าน้ำมันปาล์มจากมาเลเซีย ประมาณ กก.ละ 2 บาท