“บางจาก” เล็งเปิดปั๊มเพิ่ม 80 แห่งในสิ้นปี 60 พร้อมดันเป้ากำไร EBITDA โตที่ 20%

“บางจาก” (BCP) ตั้งเป้าขยายสถานีบริการน้ำมันแห่งใหม่เพิ่มอีก 80 แห่งภายในสิ้นปีนี้ ชูขยายธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน เตรียมรับความผันผวนเรื่องราคาน้ำมัน คาดหวังกำไร EBITDA สิ้นปีโตที่ 20% ส่วน 6 เดือนแรกปี 60 กำไรฯที่ 6.5 พันล้านบาท

นายสุรชัย โฆษิตเสรีวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บัญชีและการเงิน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ (BCP) เปิดเผยว่า ในปี 2560 บริษัทฯตั้งเป้าหมายกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เติบโตอยู่ที่ 20% เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่อยู่ระดับ 11,363 ล้านบาท ส่วนครึ่งปีแรก 2560 นี้มี กำไร EBITDAที่ 6,589 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน

“บริษัทฯ วางแผนจะขยายสถานีบริการน้ำมัน (ปั๊มน้ำมัน) บางจากแห่งใหม่เพิ่มอีก 80 แห่งในสิ้นปีนี้ หลังจากช่วง 6 เดือนแรก เปิดใหม่ไปแล้ว 19 แห่ง ทำให้ปัจจุบันมีปํมน้ำมันบางจากรวม 1,082 แห่ง แบ่งเป็นแบบมาตรฐาน 468 แห่ง และปั๊มฯที่ปรับโฉมใหม่ 614 แห่ง เป็นปั๊มฯที่ทันสมัย พื้นที่กว้างใหญ่ ห้องน้ำสะดวกสบาย และมีธุรกิจนอกจากน้ำมันแบบครบวงจร

โดยจะขยายกลุ่มธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (ธุรกิจนอน-ออย) ให้แข็งแกร่งมากขึ้น เพื่อรองรับความผันผวนเรื่องราคาน้ำมันที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยจะจะขยายร้านกาแฟอินทนินขึ้นเป็น 500 แห่งภายในปีนี้ จากเดิมมีอยู่ 404 แห่ง และเตรียมขยายซูเปอร์มาร์เกตแบรนด์ “SPAR” ทั้งในและนอกสถานีบริการน้ำมันบางจากเป็น 40 แห่ง หลังจาก 6 เดือนแรกของปี60 เปิด 18 แห่ง” นายสุรชัยกล่าว

ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องจับตามองในไตรมาส3/2560 คือ มติของที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และนอกโอเปก ที่จะมีผลต่อปริมาณการผลิตน้ำมันดิบหนักที่เข้าสู่โรงกลั่นให้น้อยลง ทำให้การกลั่นน้ำมันได้น้ำมันเตาออกมาน้อย ผลักดันมาร์จิ้นของน้ำมันเตาเพิ่มขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา จากเดิมที่ราคาน้ำมันเตาจะต่ำกว่าราคาน้ำมันดิบราว 5-6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่ขณะนี้ส่วนต่างลดลงเหลือราว 1 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เท่านั้น

“อย่างไรก็ตาม คาดว่าราคาน้ำมันดิบในช่วงหลังจากนี้น่าจะยังทรงตัวในระดับปัจจุบันจนถึงสิ้นปีน่าจะอยู่ในช่วง 50-55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล” นายสุรชัยกล่าว


ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างบริษัทใหม่ สำหรับการควบรวมธุรกิจชีวภาพของบริษัทกับธุรกิจเอทานอลของ บมจ.น้ำตาลขอนแก่น (KSL) ภายใต้ชื่อบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (BBGI) ซึ่ง BCP จะถือหุ้นที่ 60% และ KSLถือหุ้นที่ 40% โดยคาดว่าการปรับโครงสร้างจะแล้วเสร็จในช่วงเดือนตุลาคมนี้ และคาดว่าจะสามารถนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ภายในปี 2561