มาแน่! “ข้าวเหนียวถุง” ยี่ห้อกรมการค้าภายใน วางขายลอตแรก 3 แสนถุง

กรมการค้าภายใน ประสานสมาคมข้าวถุง -สมาคมโรงสีข้าวไทย แก้ข้าวเหนียวแพง เร่งผลิตข้าวเหนียวถุงช่วยค่าครองชีพ ยี่ห้อกรมการค้าภายใน ลอตแรก 3 แสนถุง ขนาด 2 กก.-5กก. ตั้งราคากก. 35 บาท กระจายภาคเหนือ-อีสาน เน้นบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ – ห้างค้าปลีก ใน 2 สัปดาห์

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยผลการประชุมร่วมกับตัวแทนสมาคมโรงสีข้าวไทย และสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย ว่า กรมการค้าภายในขอความร่วมมือให้สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทยจัดทำข้าวสารเหนียว 10% บรรจุถุงในแบรนด์กรมการค้าภายใน ขนาด 2 กิโลกรัม และ 5 กิโลกรัม จำนวน 200,000 ถึง 300,000 ถุง เพื่อให้กรมนำออกมาจำหน่ายบรรเทาภาระค่าครองชีพประชาชนจากปัญหาราคาข้าวเหนียวปรับตัวสูงขึ้น คาดว่าจะเริ่มวางตลาดในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้านี้

เบื้องต้นกำหนดราคาจำหน่ายไม่เกิน กก.ละ 35 บาท ต่ำกว่าราคาท้องตลาดประมาณ กก.ละ 5 ถึง 10 บาท จากราคาตลาดที่ กก.ละ 45-50 บาท หรือข้าวถุง 2 กก.ราคาถุงละ 70 บาท และ ข้าวถุง 5 ก.ก.ถุงละ 175 บาท ส่วนช่องทางจำหน่าย จะกระจายไปยังพื้นที่ที่คาดว่าประชาชนที่บริโภคข้าวเหนียวจะได้รับความเดือดร้อน เช่นภาคเหนือบางส่วน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยผ่านร้านธงฟ้าพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น (ร้านธงฟ้าประชารัฐ) ประมาณ 40,000 แห่ง และผ่านทางห้างค้าปลีก โดยกำหนดเงื่อนไขให้จำหน่ายให้รายละไม่เกิน 3 ถุง สำหรับข้าวขนาด 2 กิโลกรัม และรายละ 1 ถุงสำหรับข้าว 5 กิโลกรัม ทั้งนี้ ร้านธงฟ้าฯ ซื้อได้ทั้งผู่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และประชาชนทั่วไป ส่วนห้างค้าปลีกจะให้สิทธิ์เฉพาะคนมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่มีเงื่อนไขว่าสำหรับผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ต้องนำบัตรไปแสดงเพื่อซื้อข้าวได้จากร้าน และผ่านทางห้างค้าปลีกให้ประชาชนทั่วไป และกำหนดเงื่อนไขให้จำหน่ายรายละไม่เกิน 3 ถุง สำหรับข้าวขนาด 2 กิโลกรัม และรายละ 1 ถุงสำหรับข้าว 5 กิโลกรัม

“ หลังจากนี้ทางสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงจะร่วมกันพิจารณาต้นทุนค่าบรรจุถุง และค่าใช้จ่ายในการขนส่ง ค่าพิมพ์ถุง รวมถึงงบประมาณที่จะต้องใช้ในการชดเชยส่วนต่างกรณีที่จ่ายค่าข้าวในราคาถูกกว่าท้องตลาดเพื่อจัดสรรวงเงินสำหรับนำงบประมาณมาจ่ายต่อไป”

นายวิชัย กล่าวว่า โครงการนี้จะใช้ข้าวสารปริมาณ 500-1,000 ตัน ซึ่งสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงเป็นผู้จัดหา และตรวจสอบมาตรฐาน (คิวซี) บรรจุถุง และจัดจำหน่าย ตามมาตรฐานที่กรมฯ กำหนดให้เป็นข้าวเหนียวเก่าปี 2561/2562 เท่านั้น และจะต้องมีคุณภาพที่ดี ไม่มีสีคล้ำ ไม่มีกลิ่นอับ และไม่มีปัญหาในการประกอบอาหาร

สำหรับปริมาณสต๊อกข้าวเหนียวที่ผู้ประกอบการ 600 รายแจ้งเข้ามาล่าสุดที่กรมการค้าภายในปัจจุบันมีปริมาณ 40,000 ตัน ซึ่งหลังจากนี้ได้มอบใก้การค้าภายในจังหวัดลงพื้นที่ตรวจสอบสต๊อกทั้งประเทศ และส่งเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายในลงพื้นที่ตรวจสต๊อกในพื้นที่กรุงเทพและนนทบุรี

“ ทุกคนยอมรับว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดขึ้นนานนานครั้ง แต่จากสภาพธรรมชาติซึ่งเป็นปัญหาที่ทำให้สถานการณ์ราคาปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการคาดว่าหลังจากผ่านพ้นเดือนกันยายนไปแล้วสถานการณ์ราคาน่าจะคลี่คลาย โดยขณะนี้ผลผลิตข้าวเปลือกเหนียวนาปีในบางพื้นที่ได้เริ่มทยอยออกสู่ตลาดเช่น ภาคเหนือ ภาคกลาง เช่น จังหวัดราชบุรี สุพรรณบุรี และสิงห์บุรี ซึ่งมีปริมาณ 10% ของผลผลิต ที่คาดว่าจะออก 6 ล้านตันข้าวเปลือก”

อย่างไรก็ตามหลังจากนี้กรมการค้าภายในก็ยังต้องดำเนินโครงการประกันรายได้ในส่วนของข้าวเหนียวถึงแม้ว่าราคาข้าวเหนียวจะสูงกว่าราคาตลาด

“ อย่าคิดว่าราคาตอนนี้ดี แล้วราคาในอนาคตจะไม่ตกต่ำ หากหลังจากนี้ทุกคนแหมาปลูกข้าวเหนียวก็อาจจะส่งผลกระทบในฤดูกาลถัดไป เพราะตลาดข้าวเหนียวแคบมากและส่งออกไม่ได้ ในแต่ละปีส่งออกได้เพียง 400,000- 500,000 ตันจากผลผลิต 6 ล้านตัน”

ดร.ระพีพัชญ์ ธนถาวรกิตติ ซีอีโอ บริษัท ข้าวอิ่มทิพย์ จำกัด ในฐานะนายกสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย กล่าวว่า หลังจากนี้สมาคมจะทำหน้าที่จัดสรรให้สมาชิกที่อยู่ในพื้นที่ที่จำเป็นจะต้องกระจายข้าวและอยู่ใกล้พื้นที่แหล่งผลิตเป็นผู้ดำเนินการบรรจุถุงก่อน

“การคิดค่าบรรจุถุงเบื้องต้นถือว่าเป็นการช่วยบรรเทาภาระความเดือดร้อนของประชาชนก็คงจะไม่ได้คิดกำไร อย่างไรก็ตามต้นทุนการบรรจุถุงขนาดเล็กจะมีต้นทุนที่สูงกว่าถุงขนาดใหญ่”

นายเกรียงศักดิ์ ตาปนานนท์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า จะรอประเมินสถานการณ์ข้าวปีนี้ หลังจากจำหน่าย 2 เดือนข้างหน้า เพื่อประเมินผลผลิต ว่าภัยแล้งจะส่งผลกระทบอย่างไร แนวทางแก้ปัญหาระยะยาว หากเกษตรกรเห็นว่าราคาตลาดสูง ก็อาจจะปลูกมากขึ้น และส่งผลต่อเสถียรภาพราคา ทั้งนี้ข้าวเหนียวจะใช้บริโภคในประเทศเป็นหลัก