ทูตพาณิชย์รับมือม็อบฮ่องกง-ปมพิพาทเกาหลีญี่ปุ่น

Demonstrators put up a barricade during a protest in Hong Kong, China August 31, 2019. REUTERS/Danish Siddiqui

ตลาดเอเชียตะวันออก 3 ประเทศซบ “ฮ่องกงเดือด” บรรยากาศการค้าหงอย สะเทือนธุรกิจบริการ “ทูตพาณิชย์” เตรียมอัดมาตรการโปรโมตช่วยร้าน Thai Select-ดึงนักลงทุนฮ่องกงเข้าไทย “ข้อพิพาทเกาหลี-ญี่ปุ่น” ทุบการค้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า ตลาดส่งออกกลุ่มเอเชียตะวันออกที่สำคัญ 3 ตลาด คือ ฮ่องกง เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ยังติดลบต่อเนื่อง โดยในช่วง 7 เดือนแรก ตลาดญี่ปุ่นซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 10% ของการส่งออกไทยติดลบอยู่ 0.7% จากเป้าหมายปี 2562 ที่ต้องการให้ขยายตัว 2% ขณะที่ตลาดเกาหลีสัดส่วน 2% ของการส่งออก ติดลบ 3.3% จากเป้าหมายว่าจะขยายตัว 2% ภายหลังปัญหาความขัดแย้งระหว่างเกาหลีและญี่ปุ่นยังเป็นความท้าทายว่าในอีก 5 เดือนไทยจะผลักดันให้กลับมาเป็นบวกได้หรือไม่

ขณะที่ฝั่งฮ่องกงซึ่งมีสัดส่วน 4.6% ของการส่งออกก็ยังติดลบ 3.3% จากสถานการณ์การชุมนุมที่ยืดเยื้อยาวนานกว่า 13 สัปดาห์และมีแนวโน้มจะยังไม่สงบและยังน่าเป็นห่วงมากขึ้นไปอีก หลังจากสำนักงานสถิติและสำมะโนประชากรฮ่องกง

รายงานยอดค้าปลีกฮ่องกง ลดลงระดับ 34,400 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (4,380 ล้านเหรียญสหรัฐ) โดยในเดือน ก.ค.ลดลง11.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนยอดขายเครื่องประดับ, นาฬิกา และของขวัญลดลง 24.4% ขณะที่ยอดขายเสื้อผ้าลดลง 13% ส่วนยอดขายเครื่องสำอางและเวชภัณฑ์ลดลง 16.1% ทางโฆษกรัฐบาลฮ่องกงระบุว่า ยอดค้าปลีกที่ตกต่ำลงในเดือน ก.ค.สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ลดลงของผู้บริโภค และจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง และเตือนว่าหากสถานการณ์ความรุนแรงยังไม่ยุติจะย่ำแย่ลงไปอีก

ล่าสุดนางชณันภัสร์ พิศาลอภิพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศประจำฮ่องกง กล่าวถึงกรณีการประท้วงในฮ่องกงว่า จากสถานการณ์การประท้วงที่เกิดขึ้นในฮ่องกงนั้นทางสมาคมการค้าต่าง ๆ ของฮ่องกง ทั้งกลุ่มสมาคมผู้ผลิต สมาคมผู้ค้าปลีก ได้ออกมาแสดงความเป็นห่วงและกังวลถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

โดยต้องการให้รัฐบาลเร่งเข้ามาดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเร็ว โดยขณะนี้ปัญหาได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจบริการ อาทิ ร้านอาหาร สปา ซึ่งมีผู้ประกอบการไทยที่ดำเนินกิจการอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อเกิดการประท้วงก็กระทบต่อการท่องเที่ยว ทำให้ธุรกิจบริการมีผู้เข้าใช้บริการน้อยลงตามไปด้วย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน

“ทางสำนักงานได้สอบถามไปยังนักธุรกิจรายใหญ่ของฮ่องกง ทั้งกลุ่มผู้ค้าข้าว อาหาร อัญมณี ยังมั่นใจว่าการชุมนุมที่เกิดขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ การนำเข้า-ส่งออกยังสามารถทำได้เป็นปกติ แม้จะมีการปิดเส้นทางเดินรถในฮ่องกงอยู่บ้างแต่ไม่ได้กระทบ เนื่องจากการปิดเส้นทางส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ชุมนุมหรือเส้นทางเข้าสนามบิน ส่วนใหญ่การนำเข้า-ส่งออกของฮ่องกงผ่านเส้นทางเรือเป็นหลัก อยู่นอกเส้นทางการชุมนุมจึงไม่มีปัญหาในประเด็นนี้”

ทั้งนี้ แม้ว่าการส่งออกไม่กระทบแต่สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจบริการของไทยในฮ่องกงได้รับผลกระทบจากการชุมนุม เนื่องจากลูกค้าน้อยลง ทางสำนักงานเตรียมให้ความช่วยเหลือ ผู้ประกอบการไทยในฮ่องกง โดยการประชาสัมพันธ์ร้านอาหาร โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับการรับรองไทยซีเล็คท์ (Thai Select) และจัดกิจกรรม open rice ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ได้รับความนิยมในการส่งเสริมสินค้าไทยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

นอกจากนี้สิ่งที่น่าจับตาคือ ผลพวงจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ส่งผลให้นักลงทุนฮ่องกงมีแนวโน้มที่จะย้ายฐานการผลิตไปยังต่างประเทศมากขึ้น จึงเป็นโอกาสที่ไทยจะดึงนักลงทุนฮ่องกงมาลงทุน

ขณะที่นางสาววิลาสินี โนนศรีชัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ กล่าวว่า นับตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2562 รัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกมาตรการควบคุมการส่งออกวัสดุเทคโนโลยีขั้นสูง 3 ชนิดไปยังเกาหลีใต้ โดยวัสดุเหล่านี้เป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตหน่วยความจำจอภาพ และสมาร์ทโฟน ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญ ในสัดส่วนสูงถึง 1 ใน 5 ของเศรษฐกิจเกาหลีใต้ โดยญี่ปุ่นอ้างเหตุผลในการจำกัดการส่งวัสดุไฮเทคให้กับเกาหลีใต้ว่า เพราะเกาหลีใต้อาจนำวัสดุเหล่านี้ไปให้กับเกาหลีเหนือเพื่อใช้ผลิตเป็นอาวุธ

“ซัมซุง และ SK Hynix คือเบอร์ 1 ของโลกในการผลิตสมาร์ทโฟนและจอภาพ สัดส่วน 70% ของ DRAM และ90% ของจอ OLED ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจอคอมพิวเตอร์ จอโทรทัศน์ ซึ่งเกาหลีใต้มีความจำเป็นต้องต้องนำเข้าวัตถุดิบจากญี่ปุ่นมากกว่า 90% และวัตถุดิบเทคโนโลยีชั้นสูงนี้ไม่สามารถมีประเทศอื่นผลิตทดแทนได้ นั่นหมายความว่าบริษัทของเกาหลีใต้อาจถึงกับต้องหยุดการผลิต ถ้าหากบริษัทญี่ปุ่นไม่ส่งวัตถุดิบให้”

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยเองไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาที่เกิดขึ้น การค้า-การส่งออก 2 ประเทศยังเป็นไปในทิศทางที่ดี ส่วนการที่ผลักดันสินค้าไทยเข้าไปทดแทนตลาดเทคโนโลยีขั้นสูงยังเป็นไปได้ยาก เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงเฉพาะด้าน ซึ่งหากจะเข้าไปทดแทนได้ต้องใช้เวลานาน 10 ปี ต้องมีการลงทุนการนำเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาและปรับปรุงเพื่อใช้งานซึ่งความพร้อมนั้นยังไม่เกิดขึ้น

“ปัญหาญี่ปุ่นและเกาหลีใต้อาจส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าที่ผลิตในสองประเทศอาจเห็นราคาที่สูงขึ้น ส่วนการผลักดันการส่งออกให้เป็นไปตามเป้าหมายทั้งปี 2562 เกาหลีใต้น่าจะขยายตัว 1-2%โดยยังให้ความสำคัญการค้าออนไลน์ที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง”