เซลส์แมน”จุรินทร์”ลุยอินเดีย จับคู่ขายยางพาราอุ้มชาวสวนโลละ60บาท

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์

เซลส์แมน “จุรินทร์” ประเดิมนำทัพบุกตลาด “อินเดีย” 24-28 ก.ย.นี้ มุ่งเป้าขายยาง สินค้าเกษตรเป้าหมาย เดินหน้าแผน 5 เดือนฟื้นส่งออกปี”62 โตบวก 3% หากไม่ได้ขอลบน้อยที่สุด ทูตอินเดียประสานเสียงไทยมีโอกาสผลักดันสินค้าเกษตร แถมอินเดียน้ำท่วมต้องนำเข้าข้าว 

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายทูตพาณิชย์สัญจร จ.สงขลา เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา เปิดเผยว่าได้มอบนโยบายทูตพาณิชย์ให้ปรับบทบาทเป็นเซลส์แมนของประเทศ โดยมุ่งเป้าผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตรเป้าหมาย 5 รายการ ทั้งข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และสินค้าเกษตรอื่น ๆ ให้ได้มากที่สุด

ทั้งนี้ ตลาดเป้าหมายสินค้าเกษตรไทย คือ จีน โดยเฉพาะจีนตอนใต้ อินเดีย ตุรกี นิวซีแลนด์ ตะวันออกกลาง ตลาดข้าวโดยเฉพาะอิรักและฟิลิปปินส์ซึ่งตลาดนี้ได้ปรับเปลี่ยนระบบการนำเข้าข้าวใหม่ให้เอกชนนำเข้า

“สิ่งที่จะเห็นเป็นรูปธรรมช่วง 5 เดือนหลังมอบให้ทูตพาณิชย์ทำหน้าที่เซลส์แมนไปพบผู้นำเข้าในแต่ละประเทศเพื่อผลักดันการส่งออก โดยจะต้องประชาสัมพันธ์ว่าสินค้าที่มีความพิเศษคืออะไร มีคุณภาพน่าเชื่อถืออย่างไร และให้รายงานกลับมาที่วอร์รูม ปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน เพื่อประสานให้เอกชนสามารถส่งออกสินค้าเป้าหมาย ทั้งข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน

และสินค้าเกษตรอื่น ๆ ให้ได้มากที่สุด ไม่ใช่แค่ทูตพาณิชย์เท่านั้นที่จะต้องเป็นเซลส์แมน แต่รัฐมนตรีอย่างผมก็ต้องเป็นด้วย ซึ่งตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งได้นำคณะไปจีนแล้ว เดือนนี้จะไปอินเดียขายยางพารา ปาล์มน้ำมัน และมันสำปะหลัง และกำลังเตรียมจะไปขายข้าวอิรัก”

ทั้งนี้ รัฐบาลจะเดินหน้าผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตรเป้าหมาย 5 รายการ และยังได้ดำเนินนโยบายประกันรายได้สินค้ากลุ่มนี้ด้วย โดยภายใน 2 สัปดาห์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะนำโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกยางพาราเข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาประกันรายได้ยาง 3 ชนิด คือ ยางแผ่นรมควันชั้น 3 กก.ละ 60 บาท น้ำยางสด กก.ละ 50 บาท และยางก้อนถ้วย กก.ละ 20 กว่าบาท

จากก่อนหน้าที่ ครม.พิจารณาเห็นชอบโครงการประกันรายได้ปาล์มและข้าวไปแล้ว และคาดว่าจะโอนเงินชดเชยก้อนแรกให้กับเกษตรกร 1 ตุลาคมนี้ โดยเกษตรกรต้องขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร และมีบัญชีกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

นางสาวสุพัตรา แสวงศรี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศประจำมุมไบ ประเทศอินเดีย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในระหว่างวันที่ 24-28 กันยายนนี้ นายจุรินทร์จะนำคณะผู้บริหารและผู้ส่งออกเดินทางไปยังเมืองมุมไบและเชนไน ประเทศอินเดีย เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมจับคู่ธุรกิจกับผู้นำเข้าอินเดีย

โดยเบื้องต้นอินเดียมีความสนใจนำเข้าสินค้าไม้ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และผลไม้จากไทย นอกจากนี้ยังสนใจที่จะลงทุนซื้อกิจการโรงงานผลิตแพ็กเกจจิ้งจากไบโอชีวภาพ และคณะมีกำหนดจะเข้าร่วมการประชุมของสมาคมโรงสกัดน้ำมันปาล์มอินเดียด้วย

ด้านนายธราดล ทองเรือง ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ประจำกรุงเดลี ประเทศอินเดีย กล่าวเสริมว่า ปีนี้อินเดียเกิดปัญหาน้ำท่วมหนักในทางภาคใต้ เช่น รัฐทมิฬนาฑู เมืองเคราล่า ส่งผลให้ผลผลิตสินค้าเกษตรลดลงจำนวนมาก โดยเฉพาะสินค้าข้าวซึ่งเดิมอินเดียเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลก แต่ปีนี้มีความจำเป็นต้องนำเข้าข้าว จึงคาดว่าในปีนี้มูลค่าการค้าระหว่างไทยอินเดียจะขยายตัว 2-3% หรือประมาณ 12,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ ในช่วง 7 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ค.) 2562 การส่งออกภาพรวมไทยยังติดลบ 1.9% และการส่งออกในตลาดเอเชียใต้ก็ลดลง 0.5% มูลค่า 6,367 ล้านเหรียญสหรัฐเช่นกัน แต่ทว่ายอดการส่งออกไปยังอินเดียขยายตัว 3.6% มูลค่า 4,699 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนการส่งออกผลิตภัณฑ์ยางพาราของไทยในช่วง 7 เดือนแรกมีมูลค่า 6,370 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.3% คาดว่าทั้งปี 2562 จะส่งออกได้ 11,471 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.1%

แหล่งข่าวจากวงการส่งออกยาง ระบุว่าขณะนี้บริษัท 5 เสือ เช่น ศรีตรัง วงศ์บัณฑิตอาจไม่ได้เข้าร่วมคณะเดินทางไปจับคู่ธุรกิจที่อินเดีย

ทั้งนี้ ราคายางพาราในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ที่รัฐบาลจะตั้งราคาประกันรายได้ กก.ละ 60 บาท แต่ราคาเฉลี่ยในเดือนสิงหาคม อยู่ที่ กก.ละ 39.60-44.75 บาท

ล่าสุดราคาเมื่อวันที่ 30 สิงหาคมอยู่ที่ กก.ละ 42.49 บาท ส่วนราคาน้ำยางสดที่รับประกันรายได้ กก.ละ 50 บาทนั้น ราคาในช่วงเดือน ส.ค. อยู่ที่ 38-41 บาท โดยราคาล่าสุดวันที่ 30 ส.ค.อยู่ที่ กก.ละ 39.50 บาท และยางก้อนถ้วยที่รัฐบาลจะประกันรายได้ที่ กก.ละ 20 บาทนั้น ราคาตลาดอยู่ที่ 19.20-20.60 บาท โดยราคาล่าสุดอยู่ที่ กก.ละ 19.80 บาท