“สมอ.” พักใบอนุญาตนำเข้า 3,500 ใบ 115 สินค้าเสี่ยง อันตรายผู้บริโภค

“สมอ.” พักใบอนุญาตผู้ประกอบการนำเข้า 3,500 ฉบับ อาจเข้าข่ายลักลอบหลังไม่แจ้งข้อมูลปริมาณ 115 สินค้าเสี่ยงความปลอดภัยผู้บริโภค ฝ่าฝืนคุก 2 ปี ปรับ 2 ล้าน

นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า สมอ.ได้สั่งพักใช้ใบอนุญาตผู้ประกอบการนำเข้าสินค้าที่เป็นมาตรฐานบังคับ ซึ่งเป็นสินค้าที่เสี่ยงต่อความปลอดภัยของผู้บริโภคจำนวน 3,566 ฉบับ เป็นเวลา 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน 2562 ถึงวันที่ 2 ธันวาคม 2562 หลังไม่ยอมแจ้งข้อมูลปริมาณการนำเข้าสินค้าที่ได้รับใบอนุญาตย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2561

ทั้งนี้ เป็นไปตามเงื่อนไขในการออกใบอนุญาตนำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน (มาตรฐานบังคับ) เข้ามาเพื่อจำหน่ายในราชอาณาจักร

โดยผู้นำเข้าต้องแจ้งปริมาณการนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่ได้รับใบอนุญาตทุกครั้ง เพื่อป้องกันมิให้มีการลักลอบนำเข้าสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานเข้ามาจำหน่าย และเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคในประเทศ นอกจากนี้ ยังทำให้การตรวจสอบควบคุมสินค้าที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ในระหว่างที่ถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาต ผู้ประกอบการสามารถแจ้งข้อมูลกลับมาที่ สมอ. เพื่อดำเนินการตรวจสอบได้ หากเป็นไปตามที่แจ้ง สมอ. จะคืนสิทธิ์การใช้ใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการดังกล่าว

แต่หากไม่แจ้งกลับมาภายในเวลาที่กำหนด สมอ. จะเพิกถอนใบอนุญาตต่อไป ทั้งนี้ สินค้าที่ผู้ประกอบการจะต้องขออนุญาตนำเข้าจาก สมอ. เป็นสินค้าที่เสี่ยงต่อความปลอดภัยของผู้บริโภคหรือสินค้ามาตรฐานบังคับจำนวน 115 ผลิตภัณฑ์

อาทิ ผลิตภัณฑ์เหล็ก วัสดุก่อสร้าง ของเล่น เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ปลั๊กพ่วง ถังก๊าซ ถังดับเพลิง ท่อพีวีซี ท่อไอเสีย สีและวาร์นิช ฟิล์มยืดหุ้มห่ออาหาร และหมวกกันน็อก ฯลฯ ซึ่งกฎหมายกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องขออนุญาตนำเข้าผลิตภัณฑ์ดังกล่าว หากฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“การดำเนินการดังกล่าวของ สมอ. เป็นไปตามนโยบายของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ให้ความสำคัญกับภารกิจของ สมอ. โดยเฉพาะการคุ้มครองผู้บริโภค ที่จะต้องได้รับการดูแลความปลอดภัยของสินค้า ดังนั้น จึงให้เข้มงวดเป็นพิเศษ ซึ่งหากสินค้ามีมาตรฐานก็จะส่งผลดีต่อผู้บริโภค ที่จะได้ใช้สินค้าที่มีมาตรฐานด้วยความปลอดภัย”