‘ประภัตร’ ทุ่มไม่อั้น 3.7 พันล้าน ดันส่งออกโคเนื้อไปจีนเต็มที่ ตั้งเป้าเกษตกรเฟสแรก 1 แสนครัวเรือน

นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยหลังการหารือร่วมกับแกนนำกลุ่มเกษตรกรภาคอีสาน ที่นำเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อกว่า 1,000 คนเข้าพบ ว่า จากข้อเรียกร้องของเกษตรกรที่ต้องการใช้ช่วยส่งเสริมอาชีพในช่วงฤดูแล้งเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน เบื้องต้นตนได้เสนอโครงการโคเนื้อสร้างชาติ โดยตั้งเป้าเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 20,000 ครัวเรือน โคเนื้อที่เข้าร่วมโครงการ 1 ล้านตัว ครัวเรือนละ 5 ตัว

โดยกำหนดระยะเวลาเลี้ยงโคเนื้อ 4 เดือน เพื่อส่งขายตลาดจีนกว่า 138 แห่ง ร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ในการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ วงเงินกู้ครัวเรือนละ 2 แสนบาท ดอกเบี้ยไม่เกิน 1% ส่วนดอกเบี้ยที่เหลือรัฐบาลจะเป็นผู้ชดเชยให้ทั้งหมด โดยได้เตรียมเสนอของบประมาณสำหรับโครงการนี้ไว้ที่ 3,720 ล้านบาท ทั้งนี้ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ สั่งการให้เตรียมเสนอข้อมูล โดยคาดว่าจะนำเรื่องเสนอให้รัฐมนตรีว่าการฯเซ็นอนุมัติโครงการได้ในวันที่ 12 กันยายนนี้เพื่อเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 17 กันยายนต่อไป

“ผมได้เสนอโครงการโคเนื้อกับ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งก็มีท่าทีที่เห็นด้วยแต่จะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เลยหรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของรัฐมนตรีว่าการฯต่อไป ซึ่งเบื้องต้นได้ตั้งเป้าการดำเนินโครงการระยะแรกเกษตรกรเข้าร่วม 1 แสนครัวเรือน โคเนื้อ 5 แสนตัว กรอบวงเงินกู้ 5 พันล้านบาท และมีการประกันรายได้ในการเลี้ยงโคเนื้อ 400 บาทต่อตัว ซึ่งคาดว่าจะเริ่มโครงการเฟสแรกในช่วงเดือนตุลาคมนี้ จึงอยากขอให้มีการเสนอเรื่องเข้าครม.โดยเร็วที่สุด” นายประภัตรกล่าว

นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวยังได้ดูแลครอบคลุมไปถึงเรื่องอาหารสัตว์ รัฐบาลจะช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการผลิตอาหารสัตว์ 70% และให้เกษตรกรร่วมมีส่วนร่วม 30% โดยเกษตกรจะต้องมีการรวมกลุ่มเพื่อขอกู้เงินกับ ธ.ก.ส. ร้อยละ 4 บาท ซึ่งรัฐจะช่วยลดภาระให้เหลือจากจ่ายดอกเบี้ยร้อยละ 1 บาทเท่านั้น นอกจากนี้ ยังได้ความร่วมมือจากกรมทรัพยากรน้ำบาดาลในการขุดเจาะบาลในพื้นที่ที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 2,000 บ่อ โดย 1 บ่อ สามารถปลูกหญ้าเพื่อการเลี้ยงสัตว์ได้ 1 ล้านไร่

นายประภัตร กล่าวว่า ส่วนในเรื่องของตลาดรองรับ ขณะนี้มีเอกชนจีนสนใจเซ็นสัญญาร่วมกับไทย เพราะตลาดจีนมีความต้องการซื้อโคมีชีวิต 2-3 พันตัวต่อวัน โดยให้ราคา 100 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อไปป้อนโรงแปรสภาพเนื้อของจีนที่เมืองสิบสองปันนาซึ่งมีกำลังการผลิตเนื้อวัว 10 ล้านตันต่อปี โดยครั้งนี้จะให้เกษตกรได้มีส่วนร่วมในการหาลูกโคพร้อมที่จะขุน อายุ 1-2 ปี น้ำหนัก 250 กิโลกรัม ร่วมกับกรมปศุสัตว์ เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าโครงการนี้ดำเนินการด้วยความโปร่งใส หากกระทรวงฯสามารถขับเคลื่อนโครงการนี้ได้สำเร็จตามที่ตั้งเป้าไว้ จะช่วยทำให้เกษตรกรได้กำไรจากการขายโคเนื้อ 8,000 บาทต่อตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้มีการหารือการค้าเพื่อส่งออกโคเนื้อไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนผ่านสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว หรือ สปป.ลาว กับผู้ประกอบการบริษัท LS trading export import Co Ltd ฝ่ายลาว และนายหยางเจียง ผู้จัดการบริษัท LS chengkang ฝ่ายจีน ซึ่งการหารือกัน ทั้ง 3 ฝ่าย ต่างมีความยินดีในการค้าโคเนื้อร่วมกัน

อย่างไรก็ตามไทยกับจีนยังไม่สามารถเจรจาการค้าได้โดยตรง จึงใช้บริษัทของลาว ซึ่งเป็นบริษัทลูกจากจีนเป็นตัวกลางในการส่งต่อโคเนื้อของไทย พร้อมกันนี้ จีนได้กำหนดคุณสมบัติของโคที่จะรับซื้อ จะต้องเป็นลูกผสมอเมริกันบราห์มัน หรือลูกผสมยุโรปทุกสายพันธุ์ น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 350 – 400 กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 100 บาท ส่งออก วันละ 2,000 ตัว