‘กรมควบคุมมลพิษ’ ลุยต่อเฝ้าระวังสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 พื้นที่ภาคใต้ตอนล่างยังมีแนวโน้มสูงขึ้นช่วงบ่าย เกาะติดประเมินสถานการณ์รายชั่วโมง ด้านสำนักงานเลขาธิการอาเซียนคงประกาศระดับสถานการณ์ให้อยู่ในระดับที่ 3
นายประลอง ดํารงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เปิดเผยว่า ตามข้อสั่งการของท่าน รมว.ทส. ให้ คพ.ติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองในพื้นที่ภาคใต้ คพ. ขอรายงาน. สถานการณ์หมอกควันข้ามแดนในพื้นที่ จ.สงขลา จ.สตูล จ.ยะลา จ.ปัตตานี จ.ตรัง และ จ.นราธิวาส
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
โดยในวันที่ 22 กันยายน 2562 สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง ณ เวลา 16.00 น. ในภาพรวมมีสถานการณ์เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย โดยพบว่า มีพื้นที่ที่มีคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง (สีเหลือง) จำนวน 1 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่ ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา
พื้นที่ที่มีคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ดีมาก (สีฟ้า) เพิ่มขึ้นจากเดิมไม่มีพื้นที่ใดเป็น 2 พื้นที่ ได้แก่ ต.บางนาค อ.เมือง จ.นราธิวาส และ ต.สะรูมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานีและพื้นที่ที่มีคุณภาพอากาศที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีส้ม) จำนวน 3 พื้นที่ได้แก่ พื้นที่เทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา ต.บ้านควน อ.เมือง จ.ตรัง และ ต.พิมาน อ.เมือง จ.สตูล
(ค่ามาตรฐานเฉลี่ย 24 ชั่วโมงที่จะเริ่มมีผลต่อสุขภาพต่อประชาชนอยู่ที่ 50 มคก./ลบ.ม.) โดยสูงสุดอยู่ในพื้นที่ ต.พิมาน อ.เมือง จ.สตูล ซึ่งมีค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงที่ 79 มคก./ลบ.ม.
เมื่อพิจารณาข้อมูลการตรวจวัดฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน2.5 ไมครอน (PM2.5) ในระดับรายชั่วโมง ซึ่งใช้เป็นข้อมูลในระดับของการเฝ้าระวังเตือนภัย
พบว่า ในวันนี้ ณ เวลา 17.00น. ในจุดตรวจวัดในพื้นที่ จ.สงขลา และ จ.สตูล มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตลอดตั้งแต่เมื่อวาน ทำให้ในพื้นที่เทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา และ ต.พิมาน อ.เมือง จ.สตูล มีค่าฝุ่นละอองขนาด 2.5 ไมครอนเฉลี่ย 24 ชั่วโมงอยู่ในเกณฑ์ที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพต่อประชาชน
อย่างไรก็ตามหากพิจารณาข้อมูลรายชั่วโมงในพื้นที่ จ.นราธิวาส และ จ.ปัตตานี แม้ว่าค่าเฉลี่ย24 ชั่วโมงจะอยู่ในเกณฑ์ดีมากจะพบว่าค่าเริ่มมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงบ่าย จึงมีเห็นควรให้มีการเฝ้าระวังสถานการณ์ต่อไป
นายประลอง กล่าวว่าสถานการณ์ไฟป่าจากเกาะสุมาตรา และพื้นที่รัฐกลิมันตัน บนเกาะบอร์เนียว สาธารณรัฐอินโดนีเซียเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้พื้นที่ภาคใต้เกิดปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองในช่วงนี้ โดยอิทธิพลของลมมรสุมจากทิศใต้และทิศตะวันตกเฉียงใต้ยังคงมีกำลังแรง ส่งผลกระทบให้ภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทยได้รับกระทบจากหมอกควันข้ามแดนโดยเฉพาะพื้นที่ จ.สงขลา จ.ปัตตานี จ.ยะลา จ.สตูล และจ.นราธิวาส
“ในวันนี้ยังพบจุดความร้อนในภูมิภาคอาเซียนตอนล่างจำนวน 723 จุด เพิ่มขึ้นจากเมื่อวานคิดเป็นร้อยละ 10.7 ทิศทางลมยังคงพัดกลุ่มหมอกควันเข้าสู่ประเทศไทย จึงเป็นสาเหตุให้ข้อมูลฝุ่นละอองรายชั่วโมงมีแนวโน้มสูงขึ้นในวันนี้ คพ. ยังคงติดตามสถานการณ์ปัญหาอย่างต่อเนื่อง รายงานและแจ้งเตือนสถานการณ์ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสาธารณะทั้งค่าฝุ่นละอองขนาด 2.5 ไมครอนเฉลี่ยราย 24 ชั่วโมง ตามข้อกำหนดขององค์การอนามัยโลก และข้อมูลเฉลี่ยรายชั่วโมง เพื่อให้ ประชาชนได้เกิดความเข้าใจและเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์หมอกควันข้ามแดนในห้วงระยะเวลานี้ต่อไป”
ทั้งนี้ คพ. ได้จัดส่งข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ อาทิ ผู้ว่าราชการจังหวัด สสภ. 16 ทสจ. และศปภ.ประจำจังหวัด ร่วมกันพิจารณาประกาศแจ้งเตือนในพื้นที่ โดยศปภ.จังหวัดยะลาและจังหวัดสงขลา ได้ประกาศแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่แล้ว ด้าน สธ. เฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ เด็กเล็ก และผู้ป่วยระบบทางเดิน หายใจ/จัดเตรียมหน้ากากอนามัย/หน่วยตรวจสุขภาพเคลื่อนที่
พร้อมกันนี้สำนักงานเลขาธิการอาเซียน ยังคงประกาศระดับสถานการณ์ให้อยู่ในระดับที่ 3 โดยรายงานความคืบหน้า การประสานงานบนหลักการ ประเทศที่ก่อให้เกิดปัญหาจะต้องแก้ไขโดยเร็ว เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อ ประเทศสมาชิกอื่น ซึ่งคพ. ได้มีข้อความไปยังสำนักงานเลขาธิการอาเซียน เพื่อให้ช่วยเน้นย้ำและแจ้งเตือนประเทศสมาชิกที่ก่อให้เกิดสถานการณ์ไฟป่าให้ดำเนินแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน
