“วีรศักดิ์” เตรียมเยือนภูฏาน ประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า ‘JTC’ หารือความร่วมมือเศรษฐกิจการค้าการลงทุนระหว่างกัน

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เตรียมนำคณะผู้แทนไทยเดินทางเยือนภูฏาน ร่วมการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า ‘JTC’ ไทย – ภูฏาน ครั้งที่ 3 ปลายเดือนกันยายนนี้ เพื่อหารือความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน พร้อมกระชับความสัมพันธ์กับภูฏานในโอกาสฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตครบรอบ 30 ปี

นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตนจะนำคณะผู้แทนไทยเข้าเยือนภูฏานและร่วมประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้าไทย – ภูฏาน (JTC) ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 25 – 28 กันยายน 2562 ณ กรุงทิมพู ประเทศภูฏาน ตามคำเชิญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการของภูฏาน โดยการประชุม จะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ 1) การประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ในวันที่ 26 กันยายน 2562 โดยมีปลัดกระทรวงพาณิชย์ไทยและปลัดกระทรวงเศรษฐการภูฏานเป็นประธานร่วม

และ 2) การประชุมระดับรัฐมนตรี ในวันที่ 27 กันยายน 2562 โดยตนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการภูฏานจะเป็นประธานร่วมกัน ในการประชุมครั้งนี้จะมุ่งเน้นหารือเรื่องการส่งเสริมการค้าและการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนในสาขาศักยภาพของไทยในภูฏาน อาทิ การก่อสร้าง โครงสร้างพื้นฐาน การท่องเที่ยว และบริการสุขภาพ โดยทั้งสองฝ่ายยังจะหารือเรื่องการจัดทำแผนความร่วมมือทางเศรษฐกิจในสาขาที่มีความสนใจร่วมกัน เช่น ท่องเที่ยวเกษตร หัตถกรรม แปรรูปอาหาร และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น

นายวีรศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปี 2562 เป็นปีที่ไทยและภูฏานฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตครบรอบ 30 ปี ซึ่งที่ผ่านมา ไทยและภูฏานมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันในหลายด้าน อาทิ เศรษฐกิจ พุทธศาสนา วัฒนธรรม และประชาชน ตนจึงมองว่า การประชุม JTC ไทย – ภูฏาน ครั้งที่ 3 จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนและส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้น และความใกล้ชิดของสองประเทศจะเป็นรากฐานในการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจให้ยั่งยืนต่อไป

ทั้งนี้ ภูฏานเป็นคู่ค้าลำดับที่ 7 ของไทยในเอเชียใต้ รองจากอินเดีย ปากีสถาน บังกลาเทศ ศรีลังกา มัลดีฟส์ และเนปาล โดย 7 เดือนแรกของปี 2562 (ม.ค. – ก.ค.) การค้าระหว่างไทยกับภูฏาน มีมูลค่า 23.44 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 9.99 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า แบ่งเป็นการส่งออกของไทยไปภูฏาน มูลค่า 23.34 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกที่สำคัญ อาทิ ผ้าผืน อัญมณีและเครื่องประดับ ชิ้นส่วนยานยนต์ อาหารสำเร็จรูปอื่นๆ และพลาสติก และการนำเข้าจากภูฏานมาไทย มูลค่า 0.50 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้านำเข้าที่สำคัญ อาทิ ส่วนประกอบเครื่องล่อน ชิ้นส่วนเครื่องจักรไฟฟ้า พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช น้ำแร่ และเหล็ก