“หอการค้าไทย” เผยค่าครองชีพพุ่งฉุดใช้จ่ายเทศกาลกินเจต่ำสุดรอบ 12 ปี

หอการค้าไทยเผยค่าครองชีพพุ่งฉุดใช้จ่ายเทศกาลกินเจต่ำสุดรอบ 12 ปี แม้เงินสะพัด 46,549 ล้านบาท ชี้มาตรการ ชิม ช้อป ใช้ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้สำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลกินเจปี 2562 ทั่วประเทศ พบว่า ประชาชนร้อยละ 37.4 กินเจเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ร้อยละ 33.8 เนื่องจากเน้นกินช่วงเทศกาล ตั้งใจทำบุญโดยลดการกินเนื้อสัตว์ และเริ่มเป็นเทรนของรักสุขภาพ แต่ส่วนใหญ่จะไม่กินตลอดเทศกาลโดยจะเลือกกินเพียงบางมื้อเท่านั้น และแม้จะมีการวางแผนใช้จ่ายเท่าเดิม แต่ราคาสินค้าแพงขึ้นโดยรวมทั้งค่าอาหารและประชาชนเริ่มหันมาซื้ออาหารปรุงสำเร็จและสั่งออนไลน์มากขึ้นด้วย จึงทำให้ค่าใช้จ่ายในช่วงเทศกาลเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 11,155 บาท ต่อคน จากปีที่แล้วอยู่ที่ 10,963 บาทต่อคน และมูลค่าการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลกินเจของปีนี้มูลค่า 46,549 ล้านบาท ร้อยละ 1.3

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 1.3 แต่เป็นอัตราการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 12 ปี นับตั้งแต่ทำการสำรวจมา เนื่องจาก ภาวะค่าครองชีพสูงทำให้ประชาชนระมัดระวังการจับจ่ายและเศรษฐกิจยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวประกอบกับอยู่ในช่วงภาวะน้ำท่วม

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยยังคงเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และคาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะ “ชิม ช้อป ใช้” ที่ได้รับการตอบรับจากประชาชนจำนวนมาก คาดว่าจะลงทะเบียนตามเป้าหมายได้ทั้งสิ้น 10 ล้านคน ซึ่งประเมินว่าจะมีคนใช้จ่ายจริงประมาณร้อยละ 90 หรือ 9 ล้านคน ดังนั้น มาตรการนี้จะสามารถช่วยเติมเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจได้ประมาณ 20,000 – 30,000 ล้านบาท

สำหรับจีดีพีปีนี้ยังมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยยังโตอยู่ที่ร้อยละ 3 – 3.2 โดยคาดว่าช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตอยู่ที่ 3.4-3.8 แม้จะมีปัจจัยจากกระทบจากภัยน้ำท่วม ซึ่งคาดว่าจะสร้างความเสีย มูลค่า 20,000-25,000 ล้านบาท แต่รัฐบาลมีเตรียมมาตรการเยียวยา รวมไปถึงมาตรการประกันรายได้ ข้าว ยาง ปาล์ม และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐดังกล่าวด้วย

ขณะที่ปัจจัยภายนอกที่อาจจะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย ยังคงต้องจับตาสงครามทางการค้าระหว่าสหรัฐ-จีน ที่จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย ส่วนการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ (Brexit) คาดว่าสถานการณ์น่าจะผ่อนคลายมากขึ้น