เตรียมชง คกก. ต่างด้าว ปลดล็อก 4 ธุรกิจ หวังลดภาระนักธุรกิจต่างชาติ พร้อมดึงลงทุนเพิ่ม

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาทบทวนประเภทธุรกิจ เพื่อพิจารณาตามบัญชีท้าย พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 โดยได้สรุปผลประชุมพร้อมเตรียมนำเสนอคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ปลดล็อก 4 ธุรกิจ ออกจากบัญชีท้าย ได้แก่

1.ธุรกิจบริการโทรคมนาคม สำหรับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม แบบที่ 1 (ไม่มีโครงข่าย)

2.ธุรกิจศูนย์บริหารเงิน (Treasury Center)

3.ธุรกิจบริการซ่อมบำรุงอากาศยาน ที่ได้รับใบรับรองหน่วยซ่อมประเภทสอง สำหรับบำรุงรักษาส่วนประกอบสำคัญของอากาศยาน และประเภทสาม สำหรับบำรุงรักษาบริภัณฑ์และชิ้นส่วนของอากาศยานตามกฎหมายว่าด้วยการเดินอากาศ

4.ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มสูง

ทั้งนี้ การปลดล็อกดังกล่าว จะช่วยให้นักลงทุนต่างชาติลดภาระค่าใช้จ่าย ระยะเวลา และลดความยุ่งยากซ้ำซ้อนในการขออนุญาตจากหน่วยงานรัฐ ก่อให้เกิดความรวดเร็วและความคล่องตัวด้านการประกอบธุรกิจในประเทศไทย สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในการประกอบธุรกิจช่วยดึงดูดเม็ดเงินลงทุน และผู้มีความสามารถจากต่างประเทศให้สนใจเข้ามาลงทุนส่งเสริมในการพัฒนาประเทศมากขึ้น ทำให้ไทยเป็นประเทศที่น่าเดินทางเข้ามาลงทุนเป็นลำดับต้นๆ ของภูมิภาคเอเชียและของโลก และจะส่งเสริมให้ไทยสามารถก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของอาเซียนได้ไม่ยาก

ทั้งนี้ ธุรกิจท้ายบัญชี 3 ที่เตรียมถอดออกนั้น ส่วนหนึ่งเป็นธุรกิจที่มีกฎหมายเฉพาะกำกับอยู่แล้ว จึงเป็นการลดความซ้ำซ้อนในการกำกับดูแลของภาครัฐ เช่น ธุรกิจบริการโทรคมนาคม สำหรับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม แบบที่ 1 มีกฎหมายเฉพาะกำกับ คือ พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 โดย กสทช. และธุรกิจศูนย์บริหารเงิน มีกฎหมายเฉพาะกำกับ คือ พ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน พ.ศ.2485

โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งกำหนดว่าธุรกิจศูนย์บริหารเงินต้องได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจจากกระทรวงการคลัง และปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่ ธปท. กำหนด รวมถึงธุรกิจบริการซ่อมบำรุงอากาศยาน ซึ่งมีกฎหมายเฉพาะกำกับ คือ พ.ร.บ.การเดินอากาศ พ.ศ. 2497 โดยสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.)

“ทั้ง 4 ธุรกิจ เป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับสภาพการทางเศรษฐกิจและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม และคนไทยมีความพร้อมในการแข่งขันการประกอบธุรกิจกับคนต่างชาติ และการเปิดเสรีในธุรกิจดังกล่าวจะเป็นการดึงดูดให้บริษัทต่างชาติเข้ามาตั้งศูนย์การพัฒนาและซ่อมบำรุงในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น อันจะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาและถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่คนไทย ส่งเสริมให้เกิดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัล เป็นการสร้างโอกาสในการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับคนไทย ซึ่งจะสามารถยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในระดับสากล”

นอกจากนี้ ธุรกิจดังกล่าว ยังเป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับสภาพการทางเศรษฐกิจและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยธุรกิจบริการซ่อมบำรุงอากาศยาน และธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มสูง จะสอดคล้องกับ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายของรัฐบาลในการเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต (New Engine of Growth) ของประเทศ ประเภทอุตสาหกรรมอนาคต (New S-Curve) ด้านการบินและโลจิสติกส์ (ธุรกิจบริการซ่อมบำรุงอากาศยาน) และด้านอุตสาหกรรมดิจิทัล (ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์) ดังนั้น การปลดล็อก 4 ธุรกิจดังกล่าว จึงเป็นการขานรับนโยบายรัฐบาลทั้ง Thailand Plus Package และ Thailand 4.0