เศรษฐกิจโลกหงอย กกร.ลดจีดีพีไทยปี’62 เป็น 2.7-3.0% ส่งออกหด 2% ชิมช็อปใช้ กระตุ้นจับจิ๊บจ๊อยไม่ถึง 1%

กกร.ลดจีดีพีไทยปี’62 เป็น 2.7-3.0% จาก 2.9-3.3% จาก เศรษฐกิจโลกซึม เทรดวอร์ถล่มส่งออกหด 2% มาตรการชิมช็อปใช้ กระตุ้นจับจ่าย 20,000-30,000 ล้านบาท ดันจีดีพีจิ๊บจ๊อยแค่ 0.1-0.2%

นายกลินท์ สารสิน ประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยผลการประชุม กกร.วันที่ 2 ต.ค.ว่า กกร. มีมติปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2562 ลงมาเป็น 2.7-3.0% จาก 2.9-3.3% อัตราการขยายตัวของการส่งออกในปี 2562 ลดลงมาที่ -2.0% ถึง 0.0% จากเดิม -1.0% ถึง 1.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อ ปีนี้คาดว่าจะอยู่ในกรอบ 0.8-1.2%

เหตุผลจากภายใต้สถานการณ์ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจหลักในโลก, สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ยืดเยื้อ, ประเด็น Brexit และทิศทางเงินบาทที่แข็งค่า และแม้ภาครัฐจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายด้าน อาทิ มาตรการชิม ช้อป ใช้ คาดว่าจะทำให้มีเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ 20,000 ถึง 30,000 ล้านบาทช่วยให้จีดีพีขยายตัว 0.1-0.2% และมาตรการประกันรายได้สินค้าเกษตร, มาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เป็นต้น แต่คาดว่าแรงบวกจะสามารถชดเชยผลกระทบจากหลายปัจจัยกดดันจากภายนอกประเทศได้บ้าง

อย่างไรก็ตาม ทาง กกร.คาดหวังที่จะเห็นมาตรการเสริมจากภาครัฐเพิ่มเติม นอกเหนือไปจากการเร่งผลักดันกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ทั้งนโยบายการเงินและนโยบายการคลัง เพื่อรับมือกับความท้าทาย โดยเฉพาะปัจจัยจากต่างประเทศ

นอกจากนั้น เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ควรมีการเสนอราคาเป็นสกุลเงินบาทหรือสกุลเงินท้องถิ่นเป็นสกุลเงินหลักในภูมิภาค

“การขยายมาตรการชิมช็อปใช้เฟส 2 ควรดำเนินการหลังจากประเมินความคุ้มค่าของการใช้มาตรการเฟสแรกไปแล้วว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้เพียงใด โดยอาจจะเว้นระยะเวลาไปสักระยะอาจจะเป็นช่วงสงกรานต์ ควรต้องระมัดระวังการใช้มาตรการติดต่อกัน ปลายปีเป็นช่วงที่ประชาชนมีการใช้จ่าย และผู้ประกอบการมีการจัดโปรโมชั่นอยู่แล้ว รัฐควรใช้เฉพาะช่วงที่เศรษฐกิจซึมเท่านั้น”

นายกลินท์ กล่าวถึงผลกระทบจากภัยน้ำท่วม ซึ่งคาดว่าจะสร้างความเสียหายและกระทบต่อเศรษฐกิจ ประมาณ 20,000 – 25,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่ก็จะมีผลกระทบจากความเสียหายของบ้านเรือนและพื้นที่เกษตร

ทั้งนี้ จังหวัดอุบลราชธานีประสบปัญหาอุทกภัยรุนแรงที่สุดในรอบ 40 ปี จึงขอให้รัฐบาลดำเนินการช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วน เพื่อลดภาระและกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาสู่สภาพปกติโดยเร็ว ดังนี้

1. ขอให้องค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น งดการจัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่ทุกชนิด อาทิ ภาษีโรงเรือน ภาษีป้าย เป็นระยะเวลา 1 ปี แก่ผู้ประกอบการ SME ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย

2. ขอให้ภาครัฐพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมธนาคาร สำหรับ SME ที่ประสบอุทกภัยที่ยังมีภาระหนี้อยู่กับสถาบันการเงิน

3. ขอให้รัฐบาลสนับสนุนเงินทุนใหม่เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ให้มีเงินทุนหมุนเวียน ตลอดจนซ่อมแซมฟื้นฟูสถานประกอบการและเครื่อจักร โดยคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้คงที่ 1% หรือต่ำกว่า นาน 2 ปี

พร้อมกันนี้ กกร.ขอเชิญชวนเข้าร่วมงาน Indo-Pacific Business Forum ครั้งที่ 2 ซึ่งจัดโดย หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับ หอการค้าสหรัฐฯ หอการค้าอเมริกันในประเทศไทย และ สภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา – อาเซียน (U.S. ASEAN Business Council : USABC) ในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพค เมืองทองธานี

ทั้งนี้ เพื่อเป็นเวทีในการส่งเสริมโอกาสการค้าและการลงทุน รวมถึงความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และพัฒนาศักยภาพของประเทศในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก โดยภายในงานฯ จะมีการอภิปรายประเด็นสำคัญ อาทิ เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) ความมั่นคงด้านพลังงาน (Energy Sustainability) และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Development) เป็นต้น

สภาที่ปรึกษาทางธุรกิจอาเซียน (ASEAN Business Advisory Council : ASEAN-BAC) และ กกร. เป็นเจ้าภาพจัดงาน ASEAN Business & Investment Summit (ABIS) 2019 และงานประกาศผลและมอบรางวัล ASEAN Business Awards (ABA 2019) ระหว่างวันที่ 2-3 พฤศจิกายน 2562 ณ ฮอลล์ 6 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งเป็นการประชุมชั้นนำที่จัดคู่ขนานกับการประชุม ASEAN Summit โดยได้รับเกียรติจากผู้นำจากประเทศอาเซียนและ CEO บริษัทชั้นนำระดับโลกมาแสดงวิสัยทัศน์

นอกจากนี้ ภาคเอกชน ขอขอบคุณรัฐบาลและกระทรวงการคลัง ที่ได้ผลักดันให้เกิดการจัดตั้งจุดรับคืนภาษี Downtown VAT Refund เป็นแบบถาวร และขอให้เพิ่มจุดในการดำเนินการ VAT Refund ทั่วประเทศ ให้กับผู้ประกอบการ จากเดิมมีบริการเพียง 5 จุด และขอบคุณภาครัฐที่ให้เอกชนมีส่วนร่วมในการดำเนินการมาตรการป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง อาทิ โครงการข้อตกลงคุณธรรม โครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ โดยคาดว่าภายในปีนี้รัฐจะสามารถลดการสูญเสียงบจากการคอร์รัปชันได้ถึง 142,769 ล้านบาท

นอกจากนั้น กกร.ยินดีร่วมกับกระทรวงการคลัง ในการจัดตั้งคณะทำงานร่วมกัน เพื่อแก้ไขปัญหากฎระเบียบทางด้านภาษีที่เป็นอุปสรรค

และขอขอบคุณ กระทรวงพลังงาน ที่จะส่งเสริมให้มีโรงไฟฟ้าชุมชน และส่งเสริมให้มีการการผลิตไฟฟ้าพลังงานชีวมวล ตามที่เอกชนเสนอ ทั้งนี้ ได้มีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อดูแลใน 3 ประเด็น ได้แก่ การสร้างพลังงานทดแทน การสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานและการประหยัดพลังงาน และการบริหารจัดการขยะพลาสติกเพื่อเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตพลังงาน

การขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนด้วยกลไก BCG (Bioeconomy, Circular Economy, Green Economy) โดยภาคเอกชน เห็นด้วยกับรัฐบาลที่ให้ความสำคัญและนำแนวคิด BCG มาขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และยินดีที่สนับสนุนนโยบายนี้ โดยกกรได้มีการพิจารณาจัดตั้งคณะทำงานร่วมกัน เพื่อผลักดันในประเด็นของ “Circular Economy” ต่อไป