คสช.ใช้ ม.44 ให้ กฟผ.เดินหน้าโครงการสายส่งไฟฟ้า 13 โครงการ หลังโครงการล่าช้า

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอในการออกมาตรา 44 (ม.44) เพื่อให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สามารถเข้าไปดำเนินการโครงการก่อสร้างและเดินสายส่งใน 13 โครงการ ซึ่งมีการดำเนินการในบางช่วงผ่านพื้นที่ป่าสงวน ป่าต้นน้ำ พื้นที่ป่าอนุรักษ์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าและรับซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้าน หรือเกี่ยวข้องกับโครงการสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงาน ซึ่งมีการดำเนินการตามแผนพลังงานของประเทศ ซึ่ง กฟผ.อยู่ระหว่างการขออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อม ในการเข้าไปดำเนินการ

อย่างไรก็ตาม ในการขออนุญาตจะต้องใช้เวลาในการดำเนินการค่อนข้างมาก และจะกระทบกับแผนการก่อสร้าง ซึ่งส่งผลต่อแผนการจัดส่งไฟฟ้าและความมั่นคงทางพลังงาน รวมทั้งบางโครงการหากไม่สามารถดำเนินการสร้างสายส่งได้ตามแผนที่วางไว้ก็อาจจะถูกค่าปรับ เช่น โครงการไฟฟ้าพลังงานน้ำจากเขื่อนน้ำงึม ใน สปป.ลาว ซึ่งโครงการกำลังแล้วเสร็จ แต่สายส่งไฟฟ้ายังดำเนินการไม่ได้ หรือโครงการที่จะมีการดำเนินการสายส่งไฟฟ้าจากภาคกลางลงไปในพื้นที่ภาคใต้แต่การรากสายไฟต้องผ่านป่าใน จ.สตูล และพัทลุง ก็ยังไม่สามารถดำเนินการได้ กระทรวงพลังงานจึงเสนอให้ คสช.ใช้อำนาจตา ม.44 ในการอนุญาตให้ กฟผ.เข้าไปดำเนินการก่อสร้างควบคู่กับการขออนุญาตเพื่อให้ได้ดำเนินการได้ตามแผนที่วางไว้

พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบให้ กฟผ. เดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนผาจุก จ.อุตรดิตถ์ งบประมาณ 1,881 ล้านบาท โดยใช้เงินลงทุนจากเงินรายได้ของ กฟผ. 25% และที่เหลือใช้เงินกู้จากสถาบันการเงิน โดยโรงไฟฟ้าพลังน้ำแห่งนี้สามารถผลิตไฟฟ้าได้ 14 เมกะวัตต์ อัตราค่าไฟฟ้า 2.99 บาทต่อหน่วย มีกำหนดจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในเดือน ธ.ค.2563 โดยโครงการนี้จะเป็นแหล่งสำรองน้ำในกรณีที่เขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำน้อยกว่าปกติและไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ รวมทั้งเป็นโรงไฟฟ้าที่สร้างขึ้นตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดร์ออกไซด์ได้ประมาณ 45,000 ตันต่อปี

 

ที่มา ข่าวสดออนไลน์