“เบทาโกร” ดันยอดออร์แกนิก

เบทาโกรวางแผนโตปีละไม่ต่ำกว่า 10% พร้อมลงทุนต่อเนื่อง 1.2 หมื่นล้านในช่วง 3 ปีข้างหน้า เน้นการผลิตสินค้าออร์แกนิกที่กำลังมาแรง ยันการร่วมทุนทำธุรกิจต้องมีบิสซิเนสโมเดลที่ยั่งยืน

นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เครือบริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยแผนงานบริษัทในระยะ 3 ปีข้างหน้าว่าจะต้องมีการเติบโตปีละ 10% ขึ้นไป โดยจะลงทุนต่อเนื่องปีละ 4,000 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รวมเกือบ 9 หมื่นล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ 9 หมื่นล้านบาทเศษตามมาตรฐานบัญชีใหม่ ทั้งนี้ บริษัทจะเน้นการเติบโตทางด้านการผลิตสินค้าออร์แกนิกที่กำลังมาแรงมากขึ้น พร้อมทั้งจะเข้าไปช่วยคู่ค้าในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาธุรกิจด้วยโซลูชั่นต่าง ๆ เพื่อให้เติบโตไปด้วยกัน

การเข้าซื้อกิจการของบริษัทจะน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเน้นการ่วมทุนทางธุรกิจ ที่ผ่านมาจะมีคู่ค้าเข้ามาเจรจาร่วมทุนทำธุรกิจค่อนข้างมาก แต่บริษัทยึดหลักการร่วมทุน ต้องเป็นธุรกิจที่ยั่งยืน จึงไม่ง่ายนักเพราะเรื่องนี้บริษัทก็ยังต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ที่ผ่านมาบริษัทมีการร่วมทุนในธุรกิจเชนเรสเตอรองต์ 2-3 แบรนด์และเชื่อว่าจะไปได้ ซึ่งธุรกิจสายนี้บริษัทได้ร่วมทุนครั้งแรกกับโอโตยะจากญี่ปุ่นที่เข้ามาทำธุรกิจร้านอาหารในไทยเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่ช่วงหลังบริษัทหาผู้ร่วมทุนรายอื่นมาแทนเบทาโกรเพราะบริษัทไม่พร้อมด้านการจัดการ และต้องไปเน้นการพัฒนาธุรกิจหลักให้มากขึ้น ส่วนแบรนด์อื่น ๆ ที่ร่วมทุนอยู่ก็มีการร่วมทุนกับแอนเดอร์สันร้านขนมปังพรีเมี่ยมที่ห้างเอ็มควอเทียร์ เป็นต้น

“เราเป็นตัวเลือกที่ดีในเมืองไทย แต่ถ้าธุรกิจที่จะร่วมทุนไม่ยั่งยืนก็คงต้องเก็บไว้ก่อน ส่วนธุรกิจอุตสาหกรรมอนาคต (New S-surve) จะต้องใช้เวลาในการศึกษา”

สำหรับประเด็นค่าเงินบาทแข็งนั้น มีผลต่อบริษัทอยู่แล้ว เนื่องจากมีทั้งการนำเข้าและส่งออก แต่โดยรวมแล้วค่าเงินบาทแข็งดีกว่าค่าเงินบาทอ่อน เนื่องจากบริษัทมีสัดส่วนการส่งออกสินค้าไม่เกิน 20% ในขณะที่มีการนำเข้าและขายสินค้าในประเทศ 80%

“ส่วนสถานการณ์การระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ใกล้ชายแดนไทยที่ติดต่อกับประเทศเมียนมา สปป.ลาว กัมพูชานั้น ต้องถือว่าไทยมีความร่วมมือที่ดีมาก ทั้งเกษตรกรผู้เลี้ยงหมู บริษัทรายใหญ่ สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ และภาครัฐ โดยเฉพาะการดำเนินงานในพื้นที่มีการวางแผนความร่วมมือ และมีการนำเทคโนโลยีมาช่วยมากมายไม่แพ้ช่วงที่เกิดปัญหาโรคไข้หวัดนก” นายวสิษฐกล่าว