สำเร็จแล้ว “โครงการแก้มลิงบ้านเกาะยวน” สุราษฎร์ฯ “เฉลิมชัย” คิกออฟแหล่งกักเก็บน้ำภาคใต้ ป้อนเกษตรกรกว่า 1.6 หมื่นไร่

สำเร็จแล้ว ‘โครงการแก้มลิงบ้านเกาะยวน’ สุราษฎร์ธานี ‘เฉลิมชัย’ คิกออฟแหล่งกักเก็บน้ำภาคใต้ ป้อนเกษตรกรกว่า 1.6 หมื่นไร่ พร้อมรับฟังปัญหาราคายาง เล็งไขก๊อกผู้ไม่มีเอกสารสิทธิ์

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเปิดโครงการแก้มลิงบ้านเกาะยวน ณ ตำบลท่ากระดาน อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ว่า จากการที่ราษฎรในพื้นที่ตำบลท่ากระดาน อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี กว่า 523 ครัวเรือน ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภคบริโภค ซึ่งราษฎรในพื้นที่ดังกล่าวส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยมีพื้นที่การเกษตรกว่า 16,289 ไร่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน จึงได้ดำเนินการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ดังกล่าว โดยการขุดลอกแก้มลิง พร้อมสร้างอาคารประกอบ รวมถึงระบบส่งน้ำกระจายน้ำไปยังพื้นที่การเกษตรและพื้นที่ชุมชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎร ซึ่งโครงการแก้มลิงบ้านเกาะยวนนี้สามารถเก็บกักน้ำได้ประมาณ 550,000 ลูกบาศก์เมตร มีสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า และหอถังพร้อมระบบส่งน้ำความยาวประมาณ 6,330 เมตร นับว่าเป็นโครงการชลประทานขนาดกลาง ที่สามารถเก็บกักน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคของราษฎรในพื้นที่ดังกล่าวจำนวนกว่า 150 ครัวเรือน ส่งน้ำให้พื้นที่การเกษตรกว่า 1,000 ไร่ แบ่งเป็น เพาะปลูกปาล์มน้ำมัน 600 ไร่ สวนยางพารา 220 ไร่ ไม้ผล ทุเรียน มังคุด พืช ผักตามแนวโครงการเศรษฐกิจพอเพียง 140 ไร่ และทำนา 40 ไร่ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ชะลอน้ำขนาดเล็ก เป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำจืด เป็นแหล่งท่องเที่ยว และยังสามารถช่วยบรรเทาอุทกภัยในลุ่มน้ำคลองพุมดวงได้อีกด้วย

นอกจากนี้ ได้ตรวจเยี่ยมโครงการเกษตรแปลงใหญ่ผัก ต.บางท่าขาม อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อติดตามการดำเนินงานโครงการฯ ตามแนวคิดตลาดนำการผลิต ลดการใช้สารเคมีที่มีผลต่อสิ่งแวดล้อม มีการปลูกพืชผักที่หมุนเวียนหลากหลาย อีกทั้งยังมีการพัฒนาโรงคัดแยกให้ได้มาตรฐาน GAP ซึ่งการดำเนินโครงการแปลงใหญ่ผักนี้ มีการทำบันทึกข้อตกลง (MOU) กับเทสโกโลตัส และมีการบริหารจัดการด้านการตลาดอย่างเป็นระบบ เช่น การสร้างแบรนด์ “กลุ่มแปลงใหญ่ผักบางท่าข้าม” พัฒนาคุณภาพของบรรจุภัณฑ์ พัฒนาคุณภาพผักตามหลักสากล เพิ่มระบบค้าส่ง มีการตกลงราคาซื้อขายล่วงหน้า สินค้าสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ รวมถึงรับฟังปัญหาเกษตรกรชาวสวนยาง

นายเฉลิมชัยกล่าวต่อว่า ล่าสุด ครม.มีมติเห็นชอบโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางพารา ระยะที่ 1 วงเงิน 24,000ล้านบาท ตามมติคณะกรรมนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) เพื่อให้เกษตรกรชาวสวนยาง 1.4 ล้านคน พื้นที่ปลูกยางพารา 17 ล้านไร่ ได้มีรายได้ที่แน่นอนโดยกำหนดราคาประกันยาง 3 ชนิด คือ 1.ยางแผ่นดิบคุณภาพดี ราคา กก.ละ 60 บาท 2.น้ำยางสด (DRC 100%) ราคา กก.ละ 57 บาท และ 3.ยางก้อนถ้วย (DRC 50%) ราคา กก.ละ 23 บาท

โดยจะดำเนินการเป็นเวลา 6 เดือนนับตั้งแต่ ต.ค. 2562 ถึง มี.ค. 2563 โดยโครงการประกันรายได้จะสามารถจ่ายเงินงวดแรกได้ วันที่ 1 พ.ย. 2562 นี้ โดยจะพิจารณาจ่ายเงินทุก 15 วัน ดังนั้นขอให้พี่ย้องเกษตรกรชาวสวนยางมั่นใจว่า 60 บาทต่อกก. ล็อตแรกที่ขึ้นทะเบียนไว้เตรียมรับเงินเข้ากระเป๋าได้ทันที อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่ดังกล่าว ได้รับฟังปัญหาเกษตรกรชาวสวนยาง ยอมรับว่าพื้นที่สวนยางประกอบกับพื้นที่ทำกินมีปัญหามานาน ส่งผลให้มีปัญหาการขึ้นทะเบียนสำหรับผู้ไม่มีเอกสารสิทธิ์ แต่รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหานี้อย่างต่อเนื่อง วันนี้จะได้นำไปแก้ไขร่วมมือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ในข้อกฎหมายต่อไป

“นายกสั่งให้ทุกหน่วยงาน เพิ่มการใช้ยางในประเทศ 3-500,000 ตัน จะทำให้ราคายาง ขึ้นมาได้โดยอัตโนมัติ ยังไม่รวมการเปิดตลาดใหม่และเงินทุนเพื่อซื้อสินค้าน้ำยางจาก กยท.รัฐบาลและผมไม่นิ่งนอนใจ ในการแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตร ส่วนเรื่องประกันรายได้ยางผมทำตามสัญญาแล้ว แม้จะมีบ้างที่ติดปัญหาที่ได้รับฟังวันนี้คือเกษตรกรไม่มีเอกสารสิทธิ์ ป่าสงวน นส.3 ไม่สามารถออกโฉนดได้ จะเอาไปหารือกับกระทรวงทรัพย์ฯเป็นการเร่งด่วน”