น้ำมันดิ่ง 11.57% ต่ำสุดรอบ 43 เดือน เหตุเงินเฟ้อ ต.ค.ขยับแค่ 0.11%

นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (เงินเฟ้อ) ตุลาคม 2562 เท่ากับ 102.74 สูงขึ้น 0.11% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้าและเป็นการชะลอตัวต่อเนื่อง 0.52% และ 0.32% ตามลำดับในเดือนที่ผ่านมา

โดยส่งผลให้เฉลี่ยเงินเฟ้อ 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.) ปี 2562 สูงขึ้น 0.74% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลมาจากการชะลอตัวของราคาพลังงานซึ่งคาดว่าจะชะลอตัวไปถึงสิ้นปี ซึ่งมีผลต่อเงินเฟ้อทั้งปีชะลอ 0.85% โดยราคาน้ำเชื้อเพลิงขายปลีกลดลง 11.57% ต่ำสุดในรอบ 43 เดือน

ปัจจัยที่มีผลกระทบทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น จากสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้น 2.22% โดยเฉพาะข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง สูงขึ้น 8.88% ข้าวสารและข้าวสารเจ้า เนื่องจากผลผลไม้ สูงขึ้น 6.03% ผัก สูงขึ้น 8.13 ผลไม้สด สูงขึ้น 4.02% เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้น 2.19% ผลจากการปรับภาษีในกลุ่มเครื่องดื่มที่น้ำตาล สำหรับหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มลดลง 1.90% ตามการลดลงของหมวดพาหนะการขนส่งและการสื่อสาร 3.43% น้ำมันเชื้อเพลิง ลดลง 11.57% การสื่อสารลดลง 0.04% เป็นต้น

“อัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงต่อเนื่องปัจจัยสำคัญมาจากราคาพลังงาน ขณะที่ กลุ่มผักสูงขึ้นจากความต้องการเพิ่มขึ้นในช่วงเทสกาลกินเจ ประกอบกับกลุ่มอาหารสดปรับตัวสูงขึ้นรวมไปถึงกลุ่มผลไม้ และปัจจัยจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในกลุ่มน้ำตาล และมาตรการชิม ช้อป ใช้ ของรัฐบาลแม้จะไม่มีผลต่อราคาสินค้าให้ปรับตัวสูงขึ้น แต่เป็นตัวกระตุ้นให้มีการจับจ่ายซื้อสินค้ามากขึ้น ซึ่งมีผลต่อเงินเฟ้อ แต่อย่างไรก็ดี ปัจจัยหลักมาจากราคาน้ำมันที่ชะลอตัวและคาดว่าจะชะลอจนถึงสิ้นปี 2562”

สำหรับความเคลื่อนไหวของราคาสินค้าและบริการในเดือนกันยายน 2562 จำนวน 422 รายการ พบว่ามีสินค้าปรับสูงขึ้น 140 รายการ อาทิ ผักคะน้า ต้นหอม แตงกวา ผักชี เห็ด ผักกาดขาว น้ำหวาน น้ำอัดลม ผลิตภัณซักผ้า สินค้าปรับราคาลดลง 98 รายการ อาทิ แก๊สโซฮอล์ 91 น้ำมันดีเซล แก๊สโซฮอล์ 95 เนื้อสุกร ส้มเขียนหวาน ฝรั่ง องุ่น พริกสด มะนาว และสินค้าที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงราคา 184 รายการ


ทั้งนี้ สนค.ประมาณการเงินเฟ้อปี 2562 ว่าจะขยายตัว 0.7-1.0% โดยค่ากลางทั้งปีคาดว่าอยู่ที่ 0.85% แต่ไม่ถึง 1% เป็นผลมาจากราคาพลังงานลดลง รวมไปถึงมาตรการกระตุ้นของภาครัฐเป็นต้น คาดการณ์ภายใต้สมมติฐานว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ 2.7-3.2% ราคาน้ำมันดิบดูไบ 60-70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 30.5-31.5%