“กลินท์” ขนทัพธุรกิจท่องเที่ยว พบ “บิ๊กตู่” ชง 10 มาตรการดูดนักท่องเที่ยว 60 ล้านคน

กลินท์ สารสิน

“กลินท์” ขนทัพธุรกิจท่องเที่ยวพบ “บิ๊กตู่” ชง 10 มาตรการดูดนักเที่ยว เป้าหมาย 60 ล้านคน พร้อมหนุนท่องเที่ยวโค้งสุดท้าย ผุด Walking Street ทั่วไทย-สสปน.ดึงบิ๊กอีเวนต์

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า วันนี้ได้นำคณะตัวแทนสภาหอการค้าฯ พร้อมด้วยตัวแทนจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เช่น สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว สมาคมสปาไทย ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) พร้อมด้วยรองนายกรัฐมนตรีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์) ซึ่งในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีเปิดโอกาสให้เอกชนได้รายงานสถานการณ์การท่องเที่ยวนานกว่า 3 ชั่วโมง พร้อมทั้งรับฟังข้อเสนอจากภาคเอกชนที่ต้องการขอให้รัฐเพิ่มมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อดึงนักท่องเที่ยว ใน 10 ด้านที่สำคัญ โดยหลังจากนี้นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นประธานคณะทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อขับเคลื่อนมาตรการด้านการท่องเที่ยว

“ปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนไทยประมาณ 40 ล้านคน และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีกเป็น 60 ล้านคนในปีหน้า เอกชนจึงขอให้ภาครัฐเพิ่มมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวให้ตรงจุด ในระยะเร่งด่วนช่วง 1-3 เดือนนี้ ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซันและมาตรการระยะยาวที่จะดำเนินงานในปีหน้า รวมถึงแก้ไขบางมาตรการออกมาแล้วยังไม่ตรงความต้องการของเอกชน ซึ่งต้องหารือกันในรายละเอียดกับแต่ละหน่วยงาน”

สำหรับ 10 ด้านที่ภาคเอกชนหยิบยกไปหารือ ประกอบด้วย 1) ให้รัฐบาลสนับสนุนการจัดทำ Walking Street ในกรุงเทพและทุกจังหวัด โดยให้จัดในช่วงเย็นวันอาทิตย์ ปิดถนนห้ามรถผ่านเพื่อเปิดพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวเดิน ซึ่งในพื้นที่กรุงเทพจะนำร่อง 2 จุด คือ ถนนเยาวราช และถนนข้าวสาร ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานกรุงเทพมหานครจะร่วมกันหารือในรายละเอียดต่อไป คาดว่าภายใน 2-3 เดือนนี้จะเห็นภาพชัดเจน 2) สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน.ประสานดึงการจัดกิจกรรมขนาดใหญ่ (Big Event) ด้านต่างๆ ทั้งงานประชุม การจัดแข่งขันกีฬา หรือคอนเสิร์ตเข้ามาจัดในประเทศไทยมากขึ้น 3) การแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยว เช่น การปิดบริการร้านอาหารช่วงเวลา 14.00 น. กฎหมายเกี่ยวกับการออกวีซ่า 3) การส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ซึ่งทางกลุ่มผู้ประกอบการสวนสนุนเตรียมจะหารือกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เพราะมีบางมาตรการที่ภาคเอกชนเห็นว่าควรปรับเปลี่ยน ให้เหมาะสม 4) การส่งเสริมและอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวที่ต้องการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวตรีฟันด์) ซึ่งปัจจุบันมีให้บริการ 5 จุด ควรจะเพิ่มจำนวนให้กระจายไปในทั่วประเทศ

5) ขอให้รัฐช่วยโปรโมตแอปพลิเคชั่น TagTHAI ซึ่งทางหอการค้าได้จัดทำแพลตฟอร์มและเปิดตัวไป เพื่อให้นักท่องเที่ยวรู้จักประเทศไทยอย่างกว้างขวาง 6) การส่งเสริมการสร้างแบรนด์ “นวดไทย” ซึ่งเป็นวัฒนธรรมของไทยที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก เช่นเดียวกับมวยไทย (ไทยบ็อกซิ่ง) 7) ประชาสัมพันธ์โปรดักซ์แชมเปี้ยนแต่ละจังหวัด เช่น เมืองสมุนไพรไทย ซึ่งมีหลายจังหวัดที่มีสินค้าสมุนไพร 8) การส่งเสริมไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (medical tourism hub) ซึ่งไทยมีจุดแข็งด้านบริการสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการเสริมความงาม การแปลงเพศ การรักษาสุขภาพ การให้บริการผู้สูงวัย ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาใช้บริการด้านสุขภาพจากไทยปีละ 4 ล้านคน 9) การส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน ซึ่งทางหอการค้าจะเข้าไปช่วยให้แต่ละชุมชนจัดทำ Story ถ่ายทอดเรื่องราวที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละชุมชน และ 10) การจัดทำมาสเตอร์แพลนครู๊ซส์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.)