โซลาร์รูฟท็อป 500 ชุมชน “สนธิรัตน์” พลิกเศรษฐกิจชุมชน อีก2ปี ดันB10ใช้ทั่วประเทศ

​นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวที่นครศรีธรรมราช ภายหลังพบปะประชาชนชาวสวนปาล์ม เมื่อวันที่ 17 พฺ.ย. 62 ว่า อยากให้ประชาชนได้ใช้พลังงานสมัยใหม่ในการต่อยอดการพัฒนาอาชีพขายผลผลิตทางการเกษตรให้ได้ราคาสูงขึ้น เช่น การใช้พลังงานไฟฟ้าจากโชลาร์รูฟท็อปในชุมชน เพื่อถนอมอาหาร ทำโรงเก็บสินค้าเกษตร ซึ่งมีเป้าหมาย 500 ชุมชนทั่วประเทศ

นายสนธิรัตน์กล่าวว่า กระทรวงพลังงานให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมนโยบายพลังงานเพื่อประชาชนทุกระดับตามนโยบาย Energy For All เพื่อให้สามารถใช้พลังงานในการเพิ่มรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น พัฒนาเศรษฐกิจทั้งในระดับภาพรวมและเศรษฐกิจฐานรากที่สามารถพึ่งพาตนเองได้

​“ในฐานะที่กระทรวงพลังงานเป็นหนึ่งในกระทรวงที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ ผมตั้งใจทำ 2 เรื่องหลัก คือ ลดความเหลื่อมล้ำ และใช้กลไกด้านพลังงานไปขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้ประชาชน ให้กับชุมชน”  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกล่าว

​ทั้งนี้ กระทรวงฯ ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนผลิตไฟฟ้าให้มีสัดส่วนไม่น้อยกว่า 30% ในปี 2579 จึงมีโครงการต่างๆ เกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์นโยบายนี้ ทั้งการส่งเสริมโรงไฟฟ้าชุมชน การส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวภาพจากไบโอดีเซลและเอทานอลผสมในเนื้อน้ำมัน ซึ่งถือเป็นน้ำมันบนดินที่มาจากผลผลิตทางการเกษตรที่เป็นจุดแข็งของไทย ช่วยสร้างเสถียรภาพราคาผลผลิตทางการเกษตรให้กับเกษตรกร
​โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลผสมในน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นเป็น B10

รมว.พลังงานกล่าวว่า ขณะนี้ได้ประกาศให้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2563 น้ำมัน B10 จะเป็นดีเซลพื้นฐานของประเทศแทน B7 โดยที่น้ำมันดีเซล B7 เป็นทางเลือกสำหรับรถเก่า และรถยุโรปที่ยังรองรับไม่ได้ และมี B20 เป็นทางเลือกสำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ ซึ่งหากผลักดันการใช้ B10 สำเร็จจะทำให้การใช้ไบโอดีเซลเพิ่มขึ้นราว 2.1 ล้านลิตรต่อวัน หรือเพิ่มประมาณ 40% จากปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้ (13 พ.ย.62) มีปริมาณการใช้ไบโอดีเซล 5.15 ล้านลิตรต่อวัน ก็จะเพิ่มเป็นประมาณ 7 ล้านลิตรต่อวันในปี 2563

สำหรับราคา B10 ถูกกว่า B7 ถึง 2 บาทต่อลิตร เพื่อเป็นการจูงใจให้เกิดการใช้เพิ่มขึ้น โดยกระทรวงฯตั้งเป้าหมายให้สถานีบริการน้ำมันมี B10 จำหน่ายทั่วประเทศตั้งแต่ 1 มี.ค. 2563 ซึ่งปัจจุบันมีสถานีบริการ B10 ทั่วประเทศแล้ว 120 สถานี เฉพาะที่ จ.นครศรีธรรมราช มีแล้ว 5 สถานี