สัมภาษณ์
ประเทศไทยมีนโยบายมุ่งพัฒนานวัตกรรมเพื่อใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามแนวทางไทยแลนด์ 4.0 ส่งผลให้หลายอุตสาหกรรมหันมาให้ความสำคัญกับการลงทุนพัฒนานวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และลดต้นทุนกันอย่างกว้างขวาง ด้วยเหตุนี้ธุรกิจด้านเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติต่าง ๆ จึงเติบโตเป็นเงาตามตัว รวมถึงยานยนต์ไร้คนขับ หรือ “โดรน” ก็เช่นกัน
“ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ “วิวัฒน์วงศ์ วิจิตรวาทการ” อดีตผู้บริหารล็อกซเล่ย์ ที่ผันตัวมาเป็นซีอีโอ “SKY VIV” ผู้นำเข้าและให้บริการโดรนด้านวิศวกรรมและการเกษตรครบวงจร ถึงภาพรวมธุรกิจและแนวโน้มธุรกิจนี้
- ค่าขนส่งแคดเมียมกลับบ้าน จ.ตาก เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จ่ายหมด
- เปิดคำทำนาย “นางมโหธรเทวี” นางสงกรานต์ ปี 2567 ฝนตกในโลกมนุษย์ 30 ห่า
- สงกรานต์ 2567 ทางด่วนฟรี มอเตอร์เวย์ฟรี สายไหนบ้าง ฟรีถึงวันไหน
ผู้บุกเบิกโดรนในประเทศไทย
บริษัทเกิดจากการรวมตัวของผู้ชื่นชอบเทคโนโลยีโดรน และเริ่มศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง เราพบว่าโดรนไม่ใช่เพียงอุปกรณ์ใช้ในงานถ่ายภาพทางอากาศแบบที่นิยม แต่ยังมีความสามารถหลายด้าน ในตอนนั้นแบรนด์ DJI เป็นโดรนของจีนที่คนไทยรู้จัก เมื่อเริ่มศึกษาเกี่ยวกับผู้พัฒนานวัตกรรมนี้พบว่า มีมหาวิทยาลัย EPFL เป็นจุดศูนย์รวมก่อเกิดสตาร์ตอัพในสวิตเซอร์แลนด์ มี Innovation Park คล้าย MIT ของไทย และขึ้นชื่อว่าเป็นผู้พัฒนานวัตกรรมโดรนท็อป 5 ของโลก ครองส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐถึง 45%
จึงเริ่มทดลองนำเข้าโดรน จากบริษัท SenseFly มาทดลองจำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งเริ่มมีความนิยมใช้มา 2-3 ปีแล้ว ตอนนั้นเริ่มจากการจัดทำการสำรวจ และทำรังวัดก่อน แต่ปัจจุบันโดรนสามารถนำมาใช้หลากหลายด้านมากขึ้น และมีจากหลากหลายแบรนด์ อาทิ SenseFly, Flyability และ Parrot
ประสิทธิภาพโดรนแต่ละประเภท
โดรนรุ่นแรกที่นำเข้ามาจำหน่าย ชื่อรุ่น ELIO 1 และ ELIO 2 เป็นโดรนสำหรับกิจกรรมสำรวจภายใน (อินสเป็กชั่น) จะมีทั้งกล้องวิดีโอและกล้องถ่ายภาพความร้อนที่มีความละเอียดสูง บินสำรวจในงานได้นาน 15 นาที/แบตเตอรี่ 1 ก้อน ลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในธุรกิจออยล์แอนด์ก๊าซเป็นหลัก
และมีโดรนที่ใช้สำหรับสำรวจภายนอก เป็นแบบ 4 ใบพัด เป็นชนิดเดียวกับ DJI มีกล้องถ่ายภาพมุมสูง ซูมได้ 30 เท่า มองเห็นกายภาพ และความร้อน ใช้ในการสำรวจมีประสิทธิภาพการบินยาวนาน 20 นาที รวมถึงมีโดรนสำหรับใช้ในการสำรวจและจัดทำแผนที่ทางอากาศ (mapping) และโดรนที่ใช้งานด้านการเกษตร รุ่น eBeeX มีน้ำหนักเบา มีประสิทธิภาพการบิน 1 ชม. บินได้2 ตร.กม. เป็นต้น
กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ขณะนี้ภาคอุตสาหกรรมเป็นกลุ่มหลัก โดยเฉพาะออยล์แอนด์ก๊าซ เช่น ปตท. นำโดรนไปใช้ในงานซ่อมบำรุงหม้อต้ม (boiler) และท่อน้ำมัน สามารถเข้าในพื้นที่ที่มีข้อจำกัดเพิ่มประสิทธิภาพและปลอดภัย ส่งสัญญาณภาพ 3 มิติ มีระบบประเมินผล หรือในเหมืองถ่านหินในแม่เมาะ ที่ใช้สำรวจปริมาตรถ่านหินที่ขุดได้ กลุ่มโซลาร์ฟาร์มที่ใช้ในการซ่อมบำรุงรักษาแผงโซลาร์ ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก ๆ หากใช้คนสำรวจจะใช้เวลานาน แต่โดรนทำได้เร็ว และยังสามารถวิเคราะห์ถึงสาเหตุการเสียหายได้ถึง 18 สาเหตุ เช่น แผงหลุด หันผิดด้าน มีใบไม้บัง ผิวลอก มีขี้นก เป็นต้น ไม่เพียงเท่านั้นยังมีระบบช่วยประเมินว่า หากไม่ซ่อมจะทำให้สูญเสียรายได้จากการผลิตไฟฟ้ามูลค่าเท่าไรด้วย
ส่วนภาคการเกษตรเป็นเกษตรอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เช่น มิตรผล โรงงานน้ำตาลไทยรุ่งเรือง และซันสวีท โดยมิตรผลเป็นลูกค้ารายแรกต้องการสำรวจพื้นที่ปลูกอ้อย โดยใช้ภาพถ่ายทางอากาศ ซึ่งโดรนซูมได้ถึงแปลงแต่ละแปลงว่ามีระดับความสูงต่ำของพื้นที่เท่าไร เพื่อนำข้อมูลไปใช้วางแผนการปลูกและวางระบบชลประทาน เช่น พื้นที่จุดใดเป็นพื้นที่ต่ำลาดลงมาก็ควรขุดบ่อน้ำ เป็นต้น
และที่สำคัญ กล้องที่ใช้เป็นกล้องที่มีประสิทธิภาพสูง ถ่ายภาพในย่านความถี่ที่สายตาคนเรามองไม่เห็น สามารถนำมาวิเคราะห์ตามสูตร โดยใช้ดัชนีความสมบูรณ์ของพืช (NDVI) มาวิเคราะห์ว่า อ้อยมีความสมบูรณ์มากน้อยเพียงใด เพื่อวางแผนว่าควรจะใส่ปุ๋ยตรงจุดใด ไม่ต้องหว่านปุ๋ยทั้งแปลง
ความคุ้มค่าในแง่การลงทุน
การใช้งานโดรนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความแม่นยำในการคำนวณสูง ลดระยะเวลาจากเดิมที่โซลาร์ฟาร์มจะตรวจสอบแต่ละครั้งต้องใช้คนถือกล้องถ่ายภาพความร้อนขึ้นไปตรวจสอบทีละแผ่นใช้เวลานาน แต่การใช้โดรนช่วยทำให้การตรวจสอบเร็วกว่า 500 เท่า หรืออย่างภาคเกษตร ต้นทุนปุ๋ยมีราคาสูง เราไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยเท่ากันทุกจุดก็ได้ หากวิเคราะห์ความสมบูรณ์ของพืชแล้วเลือกใส่เฉพาะจุดที่ไม่สมบูรณ์จะช่วยให้เกษตรกรลดต้นทุนการผลิต ลดการใช้ปุ๋ยและยาได้ 30-40%
และที่สำคัญ การใช้โดรนสามารถคำนวณผลผลิตต่อไร่ ทำให้คาดการณ์และบริหารจัดการวัตถุดิบได้แม่นยำ เช่น ข้าวโพด ปลูกช่วงนี้จะให้ผลผลิตเมื่อไร จำนวนเท่าไร โรงงานรับซื้อได้เท่าไร ลดการสูญเสียเพราะข้าวโพดตัดมาต้องขายเข้าโรงงานวันต่อวัน ถ้าวันไหนออกมามากโรงงานซื้อไม่ไหว เลยเวลาก็จะเสียหาย ต้องเอาไปเลี้ยงสัตว์
รูปแบบการให้บริการ
กรณีที่เกษตรกรอาจกังวลว่าการใช้โดรนมีราคาสูงตั้งแต่หลัก 4-5 แสน ไปจนถึงหลัก 2 ล้านบาท บริษัทจึงให้บริการ 2 รูปแบบ คือ คนที่ต้องการซื้อโดรน เราไปฝึกอบรมให้หรือบริการสำหรับคนที่ต้องการใช้บริการบินโดรนสำรวจ โดยไม่ต้องซื้อเครื่องก็ทำได้ เพราะเรามองถึงอนาคตสำหรับกลุ่มลูกค้าที่เป็นสหกรณ์ หรือกลุ่มเกษตรซึ่งจะรวมตัวกันผลิตสินค้าเกษตรอุตสาหกรรม ตลอดจนการทำเกษตรแปลงใหญ่มาใช้บริการ ไม่ต้องซื้อเครื่อง จะทำให้ต้นทุนการใช้ลดลงสำหรับเกษตรกร
แนวโน้มธุรกิจโดรนในอนาคต
ขณะนี้ตลาดโดรนในไทยยังไม่ใหญ่ แต่มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง จากปีแรกที่เรานำเข้ามาจนถึงตอนนี้ โตปีละ 3-4 เท่า โดยเฉพาะโดรนสำหรับอุตสาหกรรมมาแรงมาก
ส่วนโดรนด้านการเกษตรก็ยังมีโอกาสไปได้ กำลังพัฒนาเทคโนโลยี เช่น “สูตร” สำหรับคำนวณภาพถ่ายผลผลิตเพื่อให้เหมาะสมสำหรับพืชชนิดต่าง ๆ เช่น ข้าวโพด มันสำปะหลัง แต่ละพืชเราต้องใช้วิธีการทดสอบและเก็บข้อมูล 3 รอบการผลิต เพื่อนำมาใช้สร้างสูตรคำนวณที่แม่นยำ
ตอนนี้ทำงานร่วมกับซันสวีท เก็บข้อมูลจากคอนแทร็กต์ฟาร์มของบริษัทไป 2 รอบการผลิตแล้ว เหลืออีกรอบก็จะพัฒนาสูตรสำหรับพืชชนิดนี้ได้ หรือมันสำปะหลังที่ร่วมกับสถาบันวิจัยมันสำปะหลังแห่งประเทศไทย หากมีการพัฒนาต่อไปเชื่อว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเห็นภาพการใช้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน และจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อภาคเกษตรมากขึ้น
ปี”63 โดรนงานก่อสร้างมาแรง
อย่างไรก็ตาม ช่วงเริ่มต้น 3 ปีแรกยังขาดทุน เพราะตลาดยังเล็ก แต่ด้วยการเติบโตขนาดนี้ ปี 2563 น่าจะเบรกอีเวนต์ได้ เพราะเริ่มมีลูกค้าในอุตสาหกรรมใหม่ ๆ เช่น ตอนนี้มีแนวโน้มว่าโดรนสำหรับงานด้านการก่อสร้างโดยเฉพาะอาคารสูงซึ่งต้องการความแม่นยำในการตรวจสอบทีละชั้นว่าถูกต้องตามแปลนหรือไม่ก่อนที่ตึกจะเสร็จกำลังมาแรง เพราะโดรนแม่นยำมาก และยังมีการใช้ในการตรวจสอบการประกอบชิ้นส่วนอุตสาหกรรมในโรงงานอุตสาหกรรม เช่น เรามีลูกค้าเป็นบริษัทผู้ผลิตน้ำมันสหรัฐที่มาจ้างให้บินตรวจสอบความคืบหน้าในการประกอบชิ้นส่วนในโรงงานที่แหลมฉบัง ก่อนส่งสินค้าลงเรือไปยังสหรัฐ เป็นต้น
แนะปรับกฎระเบียบหนุนโดรน
สิ่งสำคัญในการส่งเสริมเทคโนโลยีนี้ รัฐบาลควรช่วยแก้ไขกฎระเบียบการบินพลเรือนที่เป็นอุปสรรคในการปฏิบัติให้สามารถปฏิบัติได้จริง เช่น ที่มีการกำหนดระดับเพดานการบินไว้ 90 เมตร แต่ในทางปฏิบัติ เช่น การบินสำรวจปล่อยควันบริษัทน้ำมันจะสูงมาก หรือกฎระเบียบที่กำหนดให้ต้องบินอยู่ในสายตาตลอดเวลา ซึ่งในการบินสำรวจพื้นที่เกษตรมีขนาดกว้างมาก คงไม่สามารถอยู่ในสายตาตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม การกำกับดูแลในปัจจุบัน ผู้ให้บริการต้องขออนุญาตเจ้าของพื้นที่ และมีการกำหนดกฎระเบียบในการดูแลการใช้โดรน ให้นักบินโดรนขอใบอนุญาตบินโดรน กับกรมการบินพลเรือน (โดรน 1 ลำ ต่อใบขับขี่ 1 ใบ) และต้องขอใบอนุญาตกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เกี่ยวกับคลื่นความถี่ที่ใช้ในการบิน และต้องทำประกันโดรนที่จะไปสร้างความเสียหายให้กับบุคคลที่ 3 คล้ายกับรถยนต์