“สินค้าจีน” ถล่มตลาดCLMV อีก 3 ปีไทยเสียมาร์เก็ตแชร์ 1.87 แสนล้าน

สินค้าจีนทะลัก ถล่มตลาด CLMV หลังรวม AEC หวั่นอีก 3 ปี มูลค่า1.87 แสนล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าไทยเสี่ยงเสียส่วนแบ่งตลาด “เวียดนาม” สูงสุด 86,353 ล้านเหรียญสหรัฐ

รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลศึกษาผลกระทบจากกรณีที่สินค้าจีนทะลักเข้ามาในตลาดอาเซียน CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ว่า ปี 2018 (2561) หลังเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) 3 ปี อาเซียนนำเข้าจากจีน คิดเป็นสัดส่วน 34.05% เทียบกับปี 2009 (2552) ซึ่งเป็นช่วงก่อนรวม AEC สัดส่วน 14.56% สะท้อนว่ากลุ่ม CLMV มีการค้ากับจีนเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ทั้งนี้ ข้อมูลพบว่า หลัง AEC จีนส่งออกสินค้ามายัง CLMV มูลค่า 102,062 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 4.09% เทียบกับการส่งออกไปทั่วโลกมูลค่า 2,494,230 ล้านเหรียญสหรัฐ และเพิ่มขึ้นจากก่อนเปิด AEC ซึ่งมีมูลค่า 19,846 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น1.65% ของการส่งออกไปทั่วโลกที่มีมูลค่า 1,201,647 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป็นการส่งไปเวียดนามมากที่สุดสัดส่วน 3.37% รองลงมาคือ เมียนมา 0.42% กัมพูชา 0.25% และลาว 0.06%

ด้านการนำเข้า จีนนำเข้าจาก CLMV หลังรวม AEC มีมูลค่า 72,213 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 3.38% ของการนำเข้าจากทั่วโลกซึ่งมีมูลค่า 2,134,987ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากก่อน AECปี 2009 ซึ่งขณะนั้นมีการนำเข้าเพียง5,797 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วน 0.58% จากการนำเข้าจากทั่วโลกที่มีมูลค่า 1,005,555 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป็นการนำเข้าจากเวียดนามมากที่สุดสัดส่วน 3% รองลงมาคือ เมียนมา 0.22% กัมพูชา 0.10% และลาว 0.06%

“หลังเปิด AEC จีนสามารถชิงส่วนแบ่งตลาดใน CLMV มากขึ้น เทียบกับก่อนรวม AEC เห็นได้จากจีนการที่ขยับขึ้นเป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 ในเวียดนาม มีอัตราเติบโต 178.9% จากปี 2011 และในเมียนมาอัตราเติบโต 103.4% และยังเป็นอันดับ 2 ในลาวด้วยอัตราเติบโต 151% และในกัมพูชาด้วยอัตราเติบโต 118.8%”

ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดสินค้าไทยใน CLMV ลดลง เช่น สินค้าไทยในตลาดเวียดนามอัตราการเปลี่ยนแปลงส่วนแบ่งตลาดปี 2018 เหลือ 0.0% จากก่อนเออีซีในปี 2009 ที่เคยเติบโตถึง 11% หรือในตลาดเมียนมาติดลบ 5.5% จากก่อนรวม AEC ที่เติบโต 31.5% ตลาดลาว ก่อนเปิดเออีซีอยู่ที่ 5.3% หลังเปิดเออีซีติดลบ 10% ตลาดกัมพูชาก่อนเปิดเออีซีอยู่ที่ 5.4% หลังเปิดเออีซีอยู่ที่ 5.6%

นายอัทธ์คาดการณ์ผลกระทบในอีก 3 ปีข้างหน้า หรือปี 2022 จีนส่งออกมายัง CLMV มูลค่า 174,582 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 71.1% จากปี 2018 ที่ส่งออก 102,062 ล้านเหรียญสหรัฐ และจีนนำเข้าจาก CLMV มูลค่า 192,094 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 166% จากปี 2018 ที่นำเข้ามูลค่า 72,213 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยจะมีความเสี่ยงที่จะถูกสินค้าจีนทะลักเข้ามาในอาเซียน CLMV มีมูลค่า 187,795 ล้านบาท โดยตลาดเวียดนามมูลค่าความเสี่ยง 86,353.9 ล้านบาท รองลงมาคือ ลาว 42,586.2 ล้านบาท เมียนมา 42,327.9 ล้านบาท และกัมพูชา 16,527 ล้านบาท (ตามกราฟิก)

ทั้งนี้ ประเภทสินค้าไทยที่ต้องระวังมี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เสี่ยงมากที่จะสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้จีน คือ

1) ตลาดเวียดนาม คือ ด้าย ผ้าทอ ใยสังเคราะห์ ร็อกลอบสเตอร์และกุ้ง ไม้ แผงไม้ปูพื้น กระเบื้องไม้ เหล็กและส่วนประกอบ ข้าวโพด เครื่องหนังเครื่องใช้สำหรับเดินทาง กระเป๋าถือ ชา และกาแฟ รวมมูลค่า 533 ล้านเหรียญสหรัฐ

2) ตลาดเมียนมา คือ เครื่องดื่ม สุรา ซอสและผงสำหรับปรุงอาหาร ผลิตภัณฑ์เหล็กและเหล็กกล้า ผลิตภัณฑ์ปรุงแต่งจากธัญพืช แป้ง เครื่องแต่งกายและเมล็ดธัญพืช รวมมูลค่า 19.2 ล้านเหรียญสหรัฐ

3) ตลาดลาว ของปรุงแต่งจากพืช แป้ง ยางสังเคราะห์ ยางนอก น้ำตาล ผ้าห่มและผ้าคลุมตัว ดอกไม้-ผลไม้-ใบไม้เทียม พรมและสิ่งทอ รวมมูลค่า 278 ล้านเหรียญสหรัฐ 4) ตลาดกัมพูชา คือ น้ำตาล ปูนขาวและซีเมนต์ ผ้าสิ่งทอ

สำหรับใช้ในอุตสาหกรรม รวม 447.2 ล้านเหรียญสหรัฐกลุ่มที่เสี่ยงจะสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้จีน คือ

1) ตลาดเวียดนาม คือ แผ่นตะกั่ว เปลือก หม้อเก็บไฟฟ้า ผลไม้แห้ง เคมีภัณฑ์ เคมี คอนกรีต น้ำตาล มันสำปะหลัง แบตเตอรี่ ผลิตภัณฑ์จำพวกดอกไม้เพลิง ไม้ขีดไฟ รวมมูลค่า 533 ล้านเหรียญสหรัฐ

2) ตลาดเมียนมา คือ ยางใน และยางนอกสำหรับรถยนต์ กระดาษและกระดาษแข็ง เครื่องมือ เครื่องใช้ช้อนส้อม และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากปลา มูลค่า 303 ล้านเหรียญสหรัฐ

3) ตลาดลาว คือ รถแทร็กเตอร์ ผลิตภัณฑ์เซรามิก ผลิตภัณฑ์นม เฟอร์นิเจอร์ เก้าอี้โต๊ะในสำนักงาน อะลูมิเนียมและของทำด้วยอะลูมิเนียม รวม 515 ล้านเหรียญสหรัฐ

4) ตลาดกัมพูชา คือ เคมีภัณฑ์ แผ่นทองแดง ผลิตภัณฑ์จำพวกดอกไม้เพลิง ไม้ขีดไฟรวมมูลค่า 76.8 ล้านเหรียญสหรัฐ