กรมพัฒฯ ถอดธุรกิจบัญชี 3 กม.ธุรกิจต่างด้าว ปลดล็อก 1,165 โครงการลงทุนผ่านบีโอไอ

กรมพัฒฯ ถอดธุรกิจบัญชี 3 กม.ธุรกิจต่างด้าว ปลดล็อก 1,165 โครงการลงทุนผ่านบีโอไอกระตุ้นการแข่งขัน พร้อมอัพเกรดบริการด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบปี’64

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ ตั้งเป้าหมายในการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ และนักลงทุนในการประกอบธุรกิจโดยในจะนำระบบอิเล็กทรอนิกส์ มาให้บริการแก่ผู้ประกอบการอย่างเต็มรูปแบบได้ภายในปี 2564 โดยเชื่อว่า จะเพื่ออำนวยความสะดวกและการบริการที่รวดเร็วมากขึ้น นอกจากนี้ กรมฯยังเดินหน้าพิจารณาปรับธุรกิจออกจากบัญชีท้ายพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 โดยเฉพาะในโครงการ 1,165 โครงการ ที่เข้ามาขอส่งเสริมการลงทุนกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพื่อส่งเสริมการแข่งขันให้มากขึ้นด้วย

ปัจจุบันต่างชาติเข้ามาขออนุญาตประกอบธุรกิจผ่านกรมพัฒนาธุรกิจ ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ในช่วง 11 เดือนของปี 2562 (มกราคม-พฤศจิกายน) มีมูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 22,153 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 106% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้จำนวนคนต่างด้าวที่ได้รับใบอนุญาตจะมีจำนวนทั้งสิ้น 193 ราย ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลง 59 ราย คิดเป็น 23% แต่มูลค่ายังเพิ่มขึ้น เนื่องจากธุรกิจที่เข้ามาเป็นโครงการที่มีเงินลงทุนสูง

สำหรับธุรกิจในโครงการที่ใช้เงินลงทุนสูง เช่น บริการขุดเจาะปิโตรเลียม บริการออกแบบ ติดตั้ง ตรวจสอบ ทดสอบ และบริหารจัดการโครงการรถไฟฟ้า บริการติดตั้ง ตรวจสอบ ทดสอบระบบและให้การสนับสนุนทางเทคนิคดาวเทียมสำรวจทรัพยากร เป็นต้น ซึ่งล้วนเป็นโครงการขนาดใหญ่ แต่ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นการขออนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทย กรมฯได้มีการพิจารณาบัญชีท้ายพระราชบัญญัติฯ ทุกปี เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการ โดยปรับธุรกิจออกจากบัญชีท้ายไปแล้ว 4 ครั้ง เป็นจำนวน 45 ธุรกิจ เช่น ธุรกิจธนาคาร ประกันภัย การตั้งสำนักงานผู้แทน หรือธุรกิจที่มีหน่วยงานกำกับดุแลอยู่แล้ว เพื่อลดความซ้ำซ้อน เป็นต้น

ทั้งนี้ ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติสามารถประกอบธุรกิจในธุรกิจดังกล่าวได้โดยไม่ต้องขออนุญาต อีกทั้งให้การประกอบธุรกิจสอดคล้องกับสภาวการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน และตอบสนองต่อนโยบายรัฐบาลในการสงเสริมแพ็กเกจ เร่งรัดการลงทุน และรองรับการย้ายฐานการผลิตจากผลกระทบสงครามการค้า ในด้านการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ผ่านการส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งจากข้อมูลของ BOI พบว่าปัจจุบันในช่วง 9 เดือนของปี 2562 ทั้งสิ้น 1,165 โครงการ มูลค่าลงทุนรวม 314,130 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2561 ซึ่งนักลงทุนต่างชาติที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI แล้ว ไม่ต้องขออนุญาตการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวตามพระราชบัญญัติฯ นี้อีก