แล้งถล่มเกษตรกรเงินฝืด ยอดขายเมล็ดพันธุ์ดิ่ง30%

พิษเศรษฐกิจทุบกำลังซื้อเกษตรกร ส.ค้าเมล็ดพันธุ์ฯเผยยอดขายทั้งปีลดฮวบ 30% วอนรัฐบาลแก้ปัญหาตรงจุด วางแผนบริหารจัดการน้ำ คาดปีนี้แล้งหนักถึงปีหน้า

นายชัยฤกษ์ สงวนทรัพยากร นายกสมาคมการค้าเมล็ดพันธุ์ไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมยอดขายเมล็ดพันธุ์ปี 2562 คาดว่าจะมีมูลค่า 12,000 ล้านบาท ลดลง 30% จากปีที่แล้ว ที่มีมูลค่า 15,000 ล้านบาท จากปัจจัยหลักเศรษฐกิจชะลอตัว เกษตรกรระมัดระวังการจับจ่าย บวกกับสถานการณ์ภัยธรรมชาติทั้งน้ำท่วมและภัยแล้งสร้างความเสียหายต่อผลผลิต ทำให้รายได้เกษตรกรลดลง ส่งผลให้ไม่มีกำลังซื้อเมล็ดพันธุ์เพิ่มขึ้นด้วย

ทั้งนี้ ปัจจุบันมูลค่าตลาดการค้าเมล็ดพันธุ์ในไทยมีประมาณ 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดในประเทศราว 15,000 ล้านบาท และเพื่อการส่งออกประมาณปีละกว่า 5,000 ล้านบาทที่จะส่งออกไปยังตลาดหลักอาเซียน ซึ่งในปีนี้ความต้องการใช้ในอาเซียนก็ลดลงเช่นเดียวกัน

“กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องแก้ปัญหาภาคเกษตรให้ถูกจุดและเวลาที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงผลกระทบรายได้เกษตรกร โดยเฉพาะยกระดับมูลค่าสินค้า วางแผนการผลิตและบริหารจัดการน้ำล่วงหน้าให้เพียงพอ ขณะนี้ประเมินว่าภัยแล้งอาจจะกระทบถึงฤดูการผลิตหน้า 2562/63 ต้องเร่งแก้ไขเพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่ม เนื่องจากปัจจุบันกำลังซื้อเกษตรกรลดลงมาก ประกอบกับค่าครองชีพสูงทำให้ไม่มีเงินทุนทำการเกษตรมากเท่าอดีต และต้องหาวิธีช่วยเกษตรกรเพิ่มประสิทธิภาพลดต้นทุนการผลิต เช่น การใช้สารเคมี 3 ชนิด หากจะเลิกใช้ต้องสามารถหาสารมาทดแทนที่เหมาะสมทั้งประสิทธิภาพและต้นทุน ไม่เช่นนั้นจะส่งผลต่อการทำเกษตรอื่น ๆ ด้วย เพราะจะไม่มีเมล็ดพันธุ์เพื่อการเพาะปลูก”

นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกร เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้กำลังซื้อในกลุ่มเกษตรกร ซึ่งเป็นเศรษฐกิจฐานรากอ่อนแอลงอย่างมาก เพราะจากปัญหาภัยธรรมชาติทั้งน้ำท่วมและภัยแล้งในช่วงที่ผ่านมา สร้างความเสียหายกับผลผลิตทางการเกษตร และล่าสุดสถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้ก็รุนแรงสูงสุดในรอบ 10 ปี ทำให้เกษตรกรที่ปลูกข้าวนาปรังอาจจะปลูกไม่ได้ และเกษตรกรที่ทำสวนผักและผลไม้ก็จะได้รับความเสียหาย

นายสุเทพ คงมาก กรรมการในคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) เปิดเผยว่า ในปี 2563 เกษตรกรผู้ปลูกข้าวต้องปรับลดพื้นที่การทำนาปรังลง จากเดิม 12-13 ล้านไร่ เหลือเพียง 4.5 ล้านไร่ เนื่องจากประสบปัญหาภัยแล้งที่รุนแรง ซึ่งประเด็นนี้อาจจะส่งผลให้ความต้องการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวปรับลดลงด้วย

ทั้งนี้ โดยปกติการทำนาปรังด้วยวิธีการหว่านจะใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวปริมาณมากกว่าการทำนาปีที่ใช้วิธีการปักดำ โดยเฉลี่ยเกษตรกรจะใช้เมล็ดพันธุ์เฉลี่ย 15-20 กก.ต่อไร่ ซึ่งจะมีทั้งเกษตรกรแบบที่เก็บเมล็ดพันธุ์จากการทำนาไว้ใช้เอง ส่วนผู้ที่ไม่มีเมล็ดพันธุ์เพียงพอจะซื้อจากกรมการข้าว หรือจากบริษัทเอกชน

“เท่าที่ทราบขณะนี้ภาคการผลิตเมล็ดพันธุ์ก็ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งเช่นกัน ซึ่งทำให้มีการปรับขึ้นราคาเมล็ดพันธุ์ข้าวด้วย”