ส.ของขวัญอ่วมต้นทุนพุ่ง ส่งออกดิ่งลดแฟร์BIG&BIH

photo : pixabay

สงครามการค้า-บาทแข็ง-ค่าแรงพุ่ง ทุบส่งออกของขวัญของตกแต่งบ้านซึมยาวปี’63 “เอกชน” ไม่ไหวลดงาน BIG & BIH 20 เหลือครั้งเดียว ผนึกประเทศเพื่อนบ้านเล็งหาโอกาสใหม่

นายจิรบูลย์ วิทยสิงห์ นายกสมาคมของขวัญของชำร่วยไทยและของตกแต่งบ้าน เปิดเผยว่า ปี 2563 ทางสมาคมจะลดการจัดงานแสดงสินค้า Bangkok International Gift Fair & Bangkok International Houseware Fair หรือ BIG & BIH เหลือครั้งเดียวในช่วงปลายปี จากปกติที่จะจัดปีละ 2 ครั้งในเดือนเมษายนและตุลาคม

โดยประเมินว่าการส่งออกสินค้าของชำร่วยและของตกแต่งบ้านปี 2563 จะไม่เติบโต ต่อเนื่องจากปี 2562 ที่คาดว่าจะติดลบ 3% ต่ำกว่าเป้าหมายที่เคยวางไว้ว่าจะขยายตัว 2% ผลจากปัจจัยเสี่ยงทั้งสงครามการค้าที่กระทบต่อเศรษฐกิจคู่ค้าชะลอตัว ค่าเงินบาทแข็งค่าทำให้สินค้าไทยมีราคาที่แพงขึ้นมาก และต้นทุนการผลิตสูงขึ้นในหลายประเภทสินค้าที่ต้องพึ่งพาแรงงานฝีมือ ซึ่งมีการปรับขึ้นค่าแรงสูงขึ้น ทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันลดลง ประกอบกับปัญหาการเข้าไม่ถึงแหล่งทุนของผู้ประกอบการขนาดเล็กซึ่งเป็นปัญหาเดิมที่ยืดเยื้อมานาน ทำให้การลงทุนนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ยังน้อย

อย่างไรก็ตาม ในปีหน้าผู้ส่งออกต้องปรับกลยุทธ์ส่งออก มุ่งส่งเสริมการทำตลาดใหม่ ลดการพึ่งพาตลาดหลัก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน และสหภาพยุโรป โดยจะเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศทั้งที่เข้ามาจัดงานภายในประเทศ รวมไปถึงการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และอินโดนีเซีย เพื่อสร้างโอกาสและช่องทางการค้าใหม่ ๆ และอาจจะดึงนักลงทุนจากประเทศเพื่อนบ้านทั้งเมียนมา กัมพูชามาเป็นพันธมิตรการค้าและการลงทุน เพราะที่ผ่านมานักลงทุนในประเทศนี้ต่างก็ให้ความสนใจที่จะร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการไทย แต่ผู้ประกอบการไทยยังให้ความสำคัญกับนักลงทุนในประเทศนี้น้อย

พร้อมกันนี้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์การซื้อ-ขาย พัฒนาสินค้าให้มีรูปแบบที่หลากหลาย เนื่องจากการแข่งขันสูงขึ้น โดยจะต้องเน้นการผลิตสินค้าที่อยู่ในกระแสนิยม เช่น ถุงผ้า ที่กำลังได้รับความนิยมจากมาตรการลดการใช้ถุงพลาสติกในประเทศไทย จะเริ่มบังคับใช้ในต้นปี 2563

อีกด้านทางสมาคมจะจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าภายในประเทศ ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 40,000 ล้านบาท โดยใช้พื้นที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำในการใช้พื้นที่จัดกิจกรรมส่งเสริมการค้า เพื่อกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายซื้อสินค้า โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการและประสานไปยังห้างสรรพสินค้ารายใหญ่

“ปีนี้เอกชนมีการเตรียมจัดกิจกรรมช่วงปลายปี เพื่อสร้างบรรยากาศการซื้อสินค้าของขวัญ โดยยังคงคาดว่าสินค้าหลักที่จะได้รับความนิยมอย่างตะกร้าของขวัญ gift set สินค้าเพื่อสุขภาพ ทุกหมวดหมู่ ของเครื่องใช้ กระเป๋า เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ และอุปกรณ์ไอทีและอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ผ่านมามูลค่าตลาดของขวัญในประเทศมีประมาณ 40,000 ล้านบาท แต่ในปี 2562 นี้คงลดลงด้วยกำลังซื้อในประเทศที่หดหายจากการลดงบประมาณการให้ของขวัญกับองค์กรต่าง ๆ ทำให้การซื้อของขวัญปีใหม่ล่าช้ากว่าช่วงเวลาปกติของทุกปี ดังนั้น ในปี 2563 จะต้องกระตุ้นตลาดให้เกิดการซื้อ-ขายให้มากขึ้น”