บอร์ดแข่งขันเคาะ “โตโยต้า” พ้นพิษเคสบีบดีลเลอร์ห้ามขายอัลติสทำแท็กซี่-ห้ามขายข้ามเขต ชี้นโยบายทำการตลาดรักษาภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์ไม่เข้าข่ายใช้อำนาจผูกขาดไม่เป็นธรรม
นายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ กรรมการและโฆษกคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะกรรมการแข่งขันทางการค้าได้มีการพิจารณากรณีดีลเลอร์ร้องเรียนเรื่องการกำหนดเงื่อนไขห้ามจำหน่ายรถยนต์โตโยต้าและห้ามขายข้ามเขตพื้นที่ ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (สขค.) ได้รับการร้องเรียนผ่านช่องทางของสำนักงานว่า บริษัท โตโยต้ามอเตอร์ ประเทศไทย (จำกัด) มีหนังสือแจ้งผู้แทนจำหน่าย All New Corolla Altis โดยห้ามขายรถ hybrid เพื่อนำไปใช้เป็นรถแท็กซี่ และห้ามขายข้ามเขตพื้นที่ เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2562 ว่าเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 หรือไม่
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อยู่เบื้องหลัง “บ้านกรมดิษฐ์” บ้านสวนลอยฟ้า
ผลการพิจารณาสรุปว่า พฤติกรรมดังกล่าวไม่เข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมาย เนื่องจากผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยทาง สขค. พบว่า นโยบายห้ามขายรถยนต์ไฮบริดเป็นแท็กซี่ เพื่อเป็นการรักษาภาพลักษณ์ของสินค้า และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการกำหนดตำแหน่งของผลิตภัณฑ์ (position) ส่วนการที่ห้ามขายข้ามเขตพื้นที่ เป็นเพียงการห้ามตัวแทนจำหน่ายเข้าไปทำกิจกรรมการตลาดข้ามเขตพื้นที่ ซึ่งมิได้มีการห้ามลูกค้าไปซื้อรถยนต์ข้ามเขตพื้นที่การขายแต่อย่างใด
รายงานข่าวระบุว่า พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 มีการป้องกันการผูกขาดและการค้าที่ไม่เป็นธรรม ตามมาตรา 50 หรือตามมาตรา 25 กฎหมายเดิม พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2542 โดยมีข้อห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอำนาจเหนือตลาดกระทำการในลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
1) กำหนดหรือรักษาระดับราคาซื้อหรือขายสินค้าหรือค่าบริการอย่างไม่เป็นธรรม
2) กำหนดเงื่อนไขในลักษณะที่ไม่เป็นธรรมให้ผู้ประกอบธุรกิจอื่นซึ่งเป็นคู่ค้าของตนต้องจำกัด การบริการ การผลิต การซื้อ หรือการจำหน่ายสินค้า หรือต้องจำกัดโอกาสในการเลือกซื้อหรือขายสินค้า การได้รับหรือให้บริการ หรือในการจัดหาสินเชื่อจากผู้ประกอบธุรกิจอื่น
3) ระงับ ลด หรือจำกัดการบริการ การผลิต การซื้อ การจำหน่าย การส่งมอบ การนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ทำลายหรือทำให้เสียหายซึ่งสินค้า ทั้งนี้ เพื่อลดปริมาณให้ต่ำกว่าความต้องการของตลาด และ 4) แทรกแซงการประกอบธุรกิจของผู้อื่นโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
ทั้งนี้ หากผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 50 ต้องระวางโทษอาญา กำหนดจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกินร้อยละ 10 ของรายได้ในปีที่กระทำความผิด หรือทั้งจำทั้งปรับ ในกรณีที่เป็นการกระทำความผิดในปีแรกของการประกอบธุรกิจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ