วิกฤตอิหร่านไม่สะเทือน พาณิชย์ลุยดูไบเอ็กซ์โป

ทูตพาณิชย์ดูไบไม่หวั่นปมร้อน ลุย “ดูไบ เวิลด์เอ็กซ์โป 2020” ขนทัพ 100 ธุรกิจท็อปไทยแบรนด์บุกตลาด คว้าโอกาสดูดเงินนักท่องเที่ยว ปั้นร้านอาหารไทยซีเล็คดาวรุ่ง 20 ร้าน หวังอานิสงส์ส่งออกไก่

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า แม้ว่าสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐ-อิหร่านเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จะส่งผลให้เกิดความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลาง ทั้งยังส่งผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก แต่อีกด้านหนึ่งตลาดนี้ยังมีปัจจัยบวกที่จะเป็นโอกาสในการส่งออกปี 2563

นายปณต บุณยะโหตระ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ประจำเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปีนี้ดูไบเป็นเจ้าภาพ จัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป 2020 ระหว่างวันที่ 2 ตุลาคม 2563-เมษายน 2564 ทางกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมจะเป็นหน่วยงานเจ้าภาพฝ่ายไทยได้ประสานงานมาที่สำนักงานเพื่อให้เข้าร่วมจัดแสดงสินค้าอาหารไทย และสินค้าของที่ระลึกในไทยแลนด์พาวิลเลี่ยน

“ขณะนี้ได้คัดเลือกร้านอาหาร Little Bangkok เข้าร่วมแสดงในงาน และอยู่ระหว่างคัดเลือกผู้ประกอบการที่สมัครนำสินค้ามาร่วมแสดงทั้งในกลุ่มของที่ระลึก อาหาร น้ำผลไม้ น้ำมะพร้าว หรือสินค้าที่ได้รับความนิยมที่นี่อย่างแพร่หลาย เช่น กระเทียมดำ น้ำมันกฤษณา สินค้าโอท็อป เข้าร่วมกิจกรรมโปรโมตในครั้งนี้ คาดว่าจะมีจำนวนประมาณ 10-12 สินค้า ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนการจัดแสดงทุก 2-4 สัปดาห์”

พร้อมกันนี้ ทางสำนักงาน จะเร่งโปรโมตสินค้าไทยให้นักท่องเที่ยวที่จะเข้าร่วมชมงานซึ่งคาดว่าจะมี 20-25 ล้านคน โดยเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณประจำปี 2564 วงเงินประมาณ 10 ล้านบาท เพื่อเช่าพื้นที่หน้าศูนย์แสดงสินค้าในการจัดบูท ภายใต้โครงการ Top Thai Brand วางเป้าหมาย 80-100 บริษัท จึงเป็นโอกาสการประชาสัมพันธ์สินค้าไทยให้เข้าถึงนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

นอกจากนี้ งานดูไบเอ็กซ์โปยังเป็นโอกาสของธุรกิจบริการ โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งได้รับการรับรองเครื่องไทยซีเล็คท์แล้ว 11 ร้าน จากทั้งหมด 80 ร้าน ซึ่งคาดว่าจากนี้ไปจนถึงการเริ่มต้นงานเอ็กซ์โปจะมีจำนวนร้านอาหารที่ผ่านมาตรฐานเพิ่มเป็น 20 ร้าน

“แนวโน้มการส่งออกปี 2563 ตลาดตะวันออกกลางน่าจะมีโอกาสจากการที่เศรษฐกิจในปีนี้คาดว่าจะขยายตัว 2.5-3% เพิ่ม 0.5% ผลจากงานดูไบเอ็กซ์โป ทางรัฐบาลมองว่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ถึง 20-25 ล้านคน และยังมีปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนไทยเข้ามาลงทุนตั้งศูนย์จัดแสดงสินค้า

ไทยมาร์ทที่บาห์เรนห์ ซึ่งจะมีขนาดใหญ่คล้ายกับดราก้อนซิตี้ของจีน ถือเป็นโอกาสของสินค้าไทย เช่น สินค้าเครื่องสำอาง เครื่องประดับ เพราะพื้นที่ดังกล่าวมีนักท่องเที่ยวจากซาอุดีอาระเบีย 11 ล้านคนเดินทางมาซื้อของมากกว่าประชากรบาห์เรนที่มีอยู่แค่ 1 ล้านกว่าคน ทั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มเปิดซอฟต์โอเพนนิ่งในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งในจุดนี้ผู้ส่งออกไทยยังได้รับโอกาสให้สามารถทำธุรกิจถือหุ้นได้ 100% ด้วย”

นายปณตกล่าวว่า สินค้าดาวเด่นในปีนี้ ยังมีสินค้าไก่ที่น่าจะเปิดตลาดได้ในเร็ว ๆ นี้ เพราะล่าสุดคณะจาก Emirates International Accreditation Centre หรือ EIAC เดินทางมาตรวจสอบรับรองหรือ accredit คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย เมื่อ 16-19 ธันวาคม 2562 เพื่อให้คณะกรรมการกลางสามารถออกใบรับรองฮาลาลเพื่อประกอบการส่งออกสินค้าฮาลาลมายูเออีได้ ซึ่งผลการตรวจสอบเบื้องต้น ถือเป็นที่น่าพอใจ คาดว่าภายในเดือนมีนาคมกระบวนการน่าจะเสร็จสิ้น เพื่อให้สามารถส่งสินค้าดังกล่าวมาได้ประมาณช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้

รายงานข่าว ระบุว่า ในช่วง 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.) 2563 มูลค่าการค้าไทย-ตะวันออกกลาง 15 ประเทศ เท่ากับ 25,682.81 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 22.13% สัดส่วน 5.77% ไทยส่งออกมูลค่า 7,648.95 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 2.91% และนำเข้า 22,279.23 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 19.06% โดยมีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นตลาดอันดับ 1 มูลค่าการค้า 9,029 ล้านเหรียญสหรัฐ