
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลัง
เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ หรือ กกร.ครั้งที่ 1/2563 ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบกำหนดให้สินค้า หน้า 1.กากอนามัยและเส้นใยโพลีโพรพิลีน(สปันบอนด์)เพื่อใช้ในการผลิตหน้ากากอนามัย และ2.ผลิตภัณฑ์เจลล้างมือที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ เข้าเป็นสินค้าควบคุมโดยจะเร่งนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 หากที่ประชุมเห็นชอบก็จะนำเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายเพื่อให้มีผลบังคับใช้ในทันที
ทั้งนี้ หากมีการพิจารณาเห็นชอบรายการสินค้าควบคุมเพิ่มเติม จะทำให้รายการสินค้าควบคุมที่มีอยู่ปัจจุบัน 52 รายการจะเพิ่มเป็น 54 รายการทันที การที่ คณะกรรมการ กกร.พิจารณานำ 2 รายการนี้เข้าเป็นสินค้าควบคุม เนื่องจากต้องการดูแลและหามาตรการควบคุม โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีปัญหาเรื่องของไวรัสโคโรน่า โดยจะทำให้สามารถออกมาตรการต่างๆได้ ทั้งในเรื่องของการควบคุมปริมาณ ราคาจำหน่ายสินค้ากับผู้ผลิต ตัวแทนจำหน่าย ผู้นำเข้าหรือผู้ส่งออกที่เกี่ยวข้องได้
โดยมาตรการที่จะเข้ามาดูแลภายหลังจากมีผลบังคับใช้ เช่น การชี้แจงต้นทุนราคาขาย ปริมาณการผลิต ปริมาณการนำเข้า ปริมาณการส่งออกรวมไปถึงสต๊อกสินค้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน อีกทั้ง ยังสามารถกำหนดให้ผู้นำเข้า ตัวแทนจำหน่ายกระจายสินค้าในพื้นที่ที่ขาดแคลน กำหนดให้มีการปิดป้ายราคาขายปลีกและขายให้ตรงราคาที่ปิดไว้ มาตรการดูแลเรื่องของการส่งออก โดยหากจะมีการส่งออกในปริมาณที่มีการกำหนดไว้ จะต้องมีการขออนุญาต หรือหากจะมีการเคลื่อนย้ายสินค้าตั้งแต่ 500 ชิ้นขึ้นไปหรือปริมาณ 10 กล่องจะต้องมีการขออนุญาตเคลื่อนย้าย เป็นต้น หากพบกระทำผิด ดำเนินการทางกฎหมาย จำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
“มาตรการต่างๆเหล่านี้จะพิจารณาภายหลังจากที่มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการอีกครั้ง อาจจะมีมาตรการเพิ่มเติม เช่น จำกัดการซื้อสินค้าไม่เกินกี่ชิ้นเพื่อกำหนดไม่ให้มีการซื้อในปริมาณที่มากหรือซื้อโดยนำออกนอกประเทศ โดยปริมาณของการจำกัดการซื้อหรือปริมาณที่จะส่งออกขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาปริมาณความต้องการใช้ที่เหมาะสม ปกติเบื้องต้นประเมินการใช้ต่อคนใน ปริมาณ 10 ชิ้น แต่อย่างไรก็ดีจะต้องพิจารณาตามความเหมาะสมอีกครั้งก่อนที่จะประกาศใช้ หากพบว่ามีการซื้อกว่ากำหนดหรือขายเกินปริมาณก็สามารถดำเนินการตามกฎหมายได้ทันที”
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังไม่ได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์จัดตั้งวอร์รูมเพื่อติดตามสถานการณ์เรื่องของไวรัสโคโรนา โดยเฉพาะในส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงพาณิชย์ ในเรื่องของราคาสินค้าและปริมาณสินค้า โดยให้ติดตามและแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้กระทบต่อภาคประชาชน โดยปกติปริมาณความต้องการใช้หน้ากากอนามัยโดยทั่วไปอยู่ที่ 30 ล้านชิ้นต่อเดือน แต่เนื่องด้วยปัญหาเรื่องของไวรัสปริมาณความต้องการเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 40- 50 ล้านชิ้นต่อเดือน อย่างไรก็ดีในส่วนเรื่องของคุณภาพหน้ากากอนามัยยืนยันได้ว่าสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาดูแลมาตรฐานในเรื่องนี้อยู่แล้วทั้งส่งออกและใช้ในประเทศ
อย่างไรก็ดี สำหรับการนำรายการสินค้า 2 รายการเข้าเป็นสินค้าควบคุม เป็นเพียงมาตรการระยะสั้นโดยหลังจากนี้หากเข้าสู่ภาวะปกติและไม่ส่งผลกระทบต่อภาคประชาชนหรือความต้องการ ปริมาณสินค้าเพียงพอไม่มีปัญหาแล้ว จะดำเนินการยกเลิกมาตรการโดยเร็วที่สุด
ด้านนายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายในกล่าวว่า หามาตรการมีผลบังคับใช้และพบว่ามีการกระทำผิดกรมการค้าภายในสามารถดำเนินการทางกฎหมายได้ทันทีปัจจุบันสามารถดำเนินการฟ้องร้องผู้ประกอบการแล้ว 1 รายจาก การจำหน่ายสินค้าเกินราคา 1 ชิ้นจำหน่ายอยู่ที่ 80 บาท ขณะนี้ส่งเรื่องไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการแล้ว ถือว่าเป็นการตรวจสอบและพบ การกระทำผิดจริง
อย่างไรก็ดีปัจจุบันพบว่าจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นมีประชาชนร้องเรียนเรื่องของการจำหน่ายราคาสูงกว่าปกติเข้ามาประมาณ 100 ราย ขณะนี้กรมการค้าภายในอยู่ระหว่างการจัดส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ หากพบว่ากระทำผิดจริงจะดำเนินการทางกฎหมายทันที โดยราคาขายที่พบว่ามีการจำหน่ายสูงขึ้นเฉลี่ยสูงขึ้น 40-50 บาทต่อชิ้นอย่างไรก็ดี การจำหน่ายจะต้องพิจารณาตามคุณภาพและเกรดของราคาสินค้าอย่างเหมาะสม ซึ่งกรมการค้าภายในจะดูแลการจำหน่ายทั้งรูปแบบการจำหน่ายปกติและการจำหน่ายผ่านระบบออนไลน์ซึ่งกรมฯมีเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบในเรื่องนี้อย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชน
นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการ คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า การดูแลและป้องกันเรื่องของไวรัสสิ่งที่ประชาชนสามารถทำได้ด้วยตนเอง คือ การล้างมือให้สะอาดเนื่องจากจะทำให้เราสามารถล้างมือได้ครบทุกจุดและสามารถล้างมือได้ตลอดเวลา ตรงไหนก็ได้ ซึ่งสามารถช่วยป้องกันเชื้อไวรัสได้ หากจะใช้เจลล้างมืออาจจะทำให้การล้างมือไม่ได้ครบทุกจุด อีกทั้ง เพื่อเป็นการลดการขาดแคลนสินค้าหากมีการผลิตสินค้าไม่ทัน สำหรับหน้ากากอนามัยประชาชนทั่วไปที่ไม่เจ็บป่วยการใช้หน้ากากอนามัยที่ใช้ผ้าทำสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ในการป้องกันละอองไม่ให้เข้าสู่ปากหรือตาใช้ผ้าก็สามารถป้องกันได้ไม่จำเป็นต้องไปซื้อหน้ากากอนามัย ซึ่งสามารถป้องกันได้เช่นกัน